ดอกซากุระสีชมพูอ่อนที่เบ่งบานอยู่สองข้างทางของถนน ทิวทัศน์ที่สะท้องถึงกลิ่นอันอ่อนโยนของฤดูใบไม้ผลิ
แต่ในขณะเดียวกัน หิมะที่ขาวกว่าดอกซากุระก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า มันเป็นความงามชั่วคราวที่ดูเหมือนกำลังเลือนหายไป สิ่งที่เรามองเห็นอยู่ตรงหน้านี่คือ “ซากุระคาคุชิ” หรือเปล่านะ?
วันนี้เป็นวันที่30 มีนาคม ปี2020 ซึ่งเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่อยู่ๆหิมะก็ตกหนักจนดูเหมือนฤดูหนาวซะมากกว่า
มองเห็นหิมะที่ตกโปรยปรายลงบนกลีบซากุระ ด้วยความที่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นทุกปี ครั้งนี้จึงถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่มีค่าอย่างมาก เราจึงตัดสินใจออกเที่ยว คิดว่าอยากจะไปแถวๆทะเลสาบคาวากุจิโกะ เลยอยากมาแชร์ภาพและเรื่องราวให้เพื่อนๆที่อยู่เมืองไทยหรือญี่ปุ่นได้รับชมไปด้วยกัน

เคยได้ยินชื่อ “ซากุระคาคุชิ” กันไหมคะ?
“ซากุระคาคุชิ” เป็นหนึ่งในคำของฤดูใบไม้ผลิ มีความหมายที่แท้จริงว่า “หิมะตกยามที่ดอกซากุระกำลังบาน”
ชวนให้จินตนาการถึงทิวทัศน์ที่เห็นได้ยาก อย่างเช่น หิมะที่โปรยปรายบนกลีบซากุระ จนทำให้สภาพรอบๆ ดอกซากุระที่บานสะพรั่งกลายเป็นโลกสีขาวโพรน
สภาพของต้นไม้ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและดอกซากุระทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ระหว่างเขตแดนของฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ

วิวแบบนี้จะสามารถมองเห็นได้เฉพาะเมื่อมีหิมะตกหนักจนทับถมในช่วงฤดูที่ซากุระบานเท่านั้น

ซากุระคาคุชิที่ทำให้คุณรู้สึกถึงการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิผสานกับฤดูหนาว ต้นซากุระที่เบ่งบานอย่างสงบแม้ในสภาพอากาศหนาวเย็น มองดูแล้วรู้สึกได้ว่าได้รับพลังความเข้มแข็งจากสิ่งนี้ได้

ดอกซากุระในยามที่เบ่งบานปกติ ก็สวยงดงามไม่แพ้กันเลยค่ะ ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร ดอกซากุระก็ยังคงเบ่งบานให้เห็นในทุกปีไม่ทรยศคนที่เฝ้ารอ

ขับรถเล่นเพลินๆจนมาถึงคาวากุจิโกะ
หลังจากที่แวะจอดถ่ายรูปซากุระตลอดทาง..เราก็มาถึงทะเลสาบคาวากุจิโกะ อย่างที่เพื่อนๆทราบกันดีว่าทะเลสาบคาวากุจิโกะ ตั้งอยู่ที่จังหวัดยามานาชิ เป็นหนึ่งใน 5 ทะเลสาบซึ่งตั้งอยู่บริเวณภูเขาไฟฟูจิเป็นทะเลสาบที่นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจและมาเที่ยวกันอย่างล้นหลามตลอดปี เพราะว่าที่นี่สวยทุกฤดูกาลเลย


ต้นไม้และภูเขารอบๆทะเลสาบมีหิมะเกาะเต็มไปหมด จนตัวเองยังรู้สึกสับสนว่าตอนนี้คือฤดูอะไรกันแน่ เดินเล่นรอบๆทะเลสาบ ดอกซากุระบริเวณนี้ยังไม่บานเลยค่ะ ถ้าอากาศอบอุ่นขึ้นคงได้เห็นซากุระบานสะพรั่ง

สีสันสดใสของกลีบดอกไม้ตัดกับสีขาวสะอาดของหิมะ

มีหิมะทับถมริมถนนทั้งสองฝั่ง ตอนลงจากรถเราเดินไปเหยียบเกือบลื่นล้มเลยค่ะ
แวะเที่ยวหมู่บ้านน้ำใส โอชิโนะ ฮักไก
ก่อนที่จะเข้าไปเรียวกังที่พักในวันนี้ ก็ขอแวะหมู่บ้านน้ำใสกันซักหน่อย โอชิโนะ ฮักไกคือหมู่บ้านเก่าแก่ในบริเวณทะเลสาบทั้ง 5 รอบภูเขาไฟฟูจิ ภายในหมู่บ้านมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จำนวน 8 บ่อ แต่ละบ่อมีความใสสะอาดจนสามารถมองเห็นได้ถึงบริเวณก้นบ่อน้ำ

ด้วยวิวทิวทัศน์ของหมู่บ้านสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิสูงตระหง่าน และสายน้ำบริสุทธิ์ที่เกิดจากหิมะบนยอดภูเขาไฟฟูจิละลายและไหลลงมารวมกัน ทำให้หมู่บ้านโอชิโนะ ฮักไก กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของบรรดานักท่องเที่ยว ซึ่งยังสามารถเดินทางต่อไปยังทะเลสาบคาวากุจิโกะ และทะเลสาบยามานากาโกะที่อยู่ใกล้กันได้อย่างง่ายดายอีกด้วย แต่ในวันที่เราไปน่าเสียดายที่อากาศไม่ปลอดโปร่งเลย จนอดเห็นฟูจิซังโผล่มาทักทายอย่างในรูปภาพที่คนอื่นถ่าย แต่ก็ยังดีที่ได้เห็นวิวหิมะแทนค่ะ

ในหมู่บ้านมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด 8 บ่อ หากใครสนใจก็สามารถเดินตามดูแต่ละบ่อได้เลยค่ะ แต่เราไปไม่ครบทุกบ่อนะคะ เพราะว่าบางบ่อก็อยู่ค่อนข้างไกล ทางเดินเข้าไปก็ลำบาก บ่อที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เห็นจะเป็นบ่อที่อยู่ใจกลางหมู่บ้าน มีคนมาขอพรแล้วโยนเหรียญลงไปก้นบ่อเยอะพอสมควรจนตอนนี้เขาห้ามโยนเหรียญกันแล้วค่ะ ที่บ่อนี้เราสามารถให้อาหารปลาคาร์พได้ด้วยนะ

ในอดีตคนญี่ปุ่นมีธรรมเนียมในการบูชาภูเขาไฟฟูจิเพื่อรับพลังจากเทพเจ้า ด้วยพิธีการที่มีชื่อเรียกว่า “Tohai” โดยขั้นตอนของพิธีนี้คือการไต่ขึ้นสู่ยอดของภูเขาไฟฟูจิ จากนั้นจึงกลับลงมาเพื่อเดินเท้าแสวงบุญไปตามจุดต่างๆรอบภูเขา พิธีการนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนทั่วไปในยุคเอโดะ (ค.ศ. 1600-1868) โดยหนึ่งในขั้นตอนสำคัญก่อนทำการปีนขึ้นสู่ยอดภูเขาไฟฟูจิ คือการมาชำระล้างร่างกายและจิตใจให้บริสุทธิ์ในบ่อน้ำพุที่มีชื่อว่า “Fujisan Nemoto Hakko” แปลว่าทะเลสาบทั้ง 8 ของภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งก็คือหมู่บ้านน้ำใสแห่งนี้นั่นเองค่ะ

หมู่บ้านโอชิโนะ ฮักไก ในปัจจุบันมีอายุกว่า 80 ปี และยังคงเป็นหมู่บ้านที่มีผู้คนอาศัยอยู่จริงๆ ด้วยการดูแลรักษาอย่างดีของคนในหมู่บ้าน จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่ใครๆต่างต้องแวะมาเยี่ยมชม และที่นี่ยังได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 100 ของแหล่งน้ำที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และเป็นมรดกแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
การเดินทาง
นั่งรถไฟขบวน LTD. Express ที่สถานี Shinjuku จากนั้นจึงแวะเปลี่ยนสายที่สถานี Otsuki เพื่อขึ้นรถไฟขบวน Fujikyu Railway ไปยังสถานี Kawaguchiko ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที
หรือนั่งรถบัส สามารถใช้บริการรถบัสของ Highway Bus ที่วิ่งระหว่างโตเกียว – คาวากูจิโกะ โดยจุดขึ้นรถจะอยู่ที่สถานีรถบัสด่วนพิเศษชินจูกุ (Shinjuku Expressway Bus Terminal)
ค่าโดยสารเที่ยวละ 2000 เยน(ผู้ใหญ่) และ1000เยน(เด็ก) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที
สามารถตรวจสอบตารางเวลาและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://highway-buses.jp/course/kawaguchiko.php
