“ปราสาท” นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวกลิ่นอายโบราณที่มีให้เห็นอยู่ตามเมืองหลักชื่อดังหลายๆแห่งในญี่ปุ่น ซึ่งแรกเริ่มเดิมที ในราวๆศตวรรษที่ 14 สถาปัตยกรรมแสนสวยที่เราเห็นกันนี้ ถือกำเนิดมาจากรั้วไม้ที่กั้นแม่น้ำ ถนน และเส้นทางการค้า ฯลฯ จนกระทั่งช่วงปลายศตวรรษที่ 15 จึงมีการพัฒนารูปแบบโครงสร้างเพื่อใช้สำหรับเป็นป้อมปราการปกป้องสถานที่ยุทธศาสตร์ รวมไปถึงใช้เป็นศูนย์กลางการปกครองอีกด้วย
ในสมัยเซ็งโงคุ (ค.ศ.1573-1590) ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งใหญ่ของญี่ปุ่น ในยุครุ่งเรืองของซามูไร และ “ปราสาท” ถูกสร้างเพื่อเป็นบ้านพักของซามูไรชนชั้นปกครอง (ระดับไดเมียวจนถึงโชกุน) ของแต่ละท้องถิ่น เพื่อโอ้อวดอำนาจและความมั่งคั่งเป็นหลัก ยิ่งมีพื้นที่กว้างขวางโอ่อ่าและตกแต่งภายในหรูหราเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงถึงยิ่งใหญ่ของศักดินามากเท่านั้น โดยปราสาทส่วนใหญ่จะก่อสร้างด้วยไม้ แต่จะมีการใช้หินเข้ามาร่วมในงานฐานและโครงสร้างมากกว่าบ้านของคนทั่วไป
ในตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ปราสาทส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น ถูกทำลายจนกลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง เนื่องด้วยภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งยังมีความเสียหายจากศึกสงครามหลายต่อหลายครั้ง รวมไปถึงการมีประกาศรื้อถอนปราสาทโบราณหลายๆแห่งในสมัยจักรพรรดิเมจิ อย่างไรก็ตาม ในภายหลังได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ปราสาทหลายๆแห่งขึ้นมาใหม่ เพื่อสะท้อนถึงอัจฉริยภาพด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบของคนยุคโบราณ รวมถึงอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้สัมผัสความงดงามในฐานะมรดกของชาติและเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันน่าสนใจ
ในบทความนี้ ทางผู้เขียนได้รวบรวมปราสาทโบราณที่ว่ากันว่า สวยงามและมีชื่อเสียงมากที่สุดในญี่ปุ่นมาฝากทุกๆคน มาดูกันว่าจะสวยงามและตรงใจเพื่อนๆมากแค่ไหน;
- 1. ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle), เมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิ
- 2. ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle), เมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะ
- 3. ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle), เมืองมัตสึโมโตะ จังหวัดนางาโนะ
- 4. ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle), เมืองคุมาโมโตะ จังหวัดคุมาโมโตะ
- 5. ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle), เมืองโอซาก้า จังหวัดโอซาก้า
- 6. ปราสาทนิโจ (Nijo Castle), เมืองเกียวโต จังหวัดเกียวโต
- 7. ปราสาทมัตสึเอะ (Matsue Castle), เมืองมัตสึเอะ จังหวัดชิมาเนะ
- 8. ซากปราสาทชูริ (Shuri Castle), เมืองนาฮะ จังหวัดโอกินาว่า
- 9. ปราสาทฮิโกเนะ (Hikone Castle), เมืองฮิโกเนะ จังหวัดชิงะ
- 10. ปราสาทชิมาบาระ (Shimabara Castle), เมืองชิมาบาระ จังหวัดนางาซากิ
1. ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle), เมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิ
สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1615 ในสมัยของโชกุนโทคุงาวะ อิเอยาสึ ต่อมาถูกนำมาใช้เป็นกองบัญชาการทหารและค่ายกักกันเชลยศึกในสงครามโลกครั้งที่ 2 และถูกเพลิงไหม้จนเสียหาย ก่อนจะได้รับการบูรณะใหม่ในปี ค.ศ. 1959 เป็นหนึ่งในปราสาทที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากในญี่ปุ่น และเป็นปราสาทแห่งแรกที่ถูกยกให้เป็นสมบัติประจำชาติ และเนื่องจากมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ปราสาทนาโกย่าจึงถูกบันทึกให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติเป็นที่เรียบร้อย
โดยในปัจจุบันอยู่ระหว่างการปฏิสังขรณ์อาคารหลักของปราสาท ทำให้ไม่สามารถเข้าชมด้านในได้ แต่ยังสามารถเดินชมรอบนอกและอาคารอื่นๆได้เช่นเดิม
วัน-เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่ 09.00-16.30 น. (ปิดวันที่ 29 ธ.ค. ถึงวันที่ 1 ม.ค.)
ค่าเข้าชม: บุคคลทั่วไป 500 เยน
การเดินทาง: นั่งรถไฟ Meitetsu Seto Line มาลงที่สถานี “Higashi-Ote”
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.nagoyajo.city.nagoya.jp/en/nagoyajo/
2. ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle), เมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะ
หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า “ปราสาทนกกระสาขาว” เนื่องจากตัวปราสาทมีสีขาวสว่างสะอาดตา เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่เหลือรอดจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และแผ่นดินไหวใหญ่ฮันชิง ในปี ค.ศ.1995
ปราสาทฮิเมจิได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกและสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ.1993 ได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสามปราสาทที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น ร่วมกับ ปราสาทมัตสึโมโตะ และ ปราสาทคุมาโมโตะ และเป็นปราสาทที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยี่ยมชมมากที่สุดในญี่ปุ่น
วัน-เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่ 09.00-17.00 น. (ปิดวันที่ 29-30 ธ.ค.)
ค่าเข้าชม: บุคคลทั่วไป 1,000 เยน/ เด็ก 300 เยน
การเดินทาง: จากโกเบ/โอซาก้า/โตเกียว นั่งรถไฟ Sanyo Shinkansen Line มาลงที่สถานี “Himeji” จากนั้นเดินต่อประมาณ 15 นาที หรือประมาณ 5 นาที โดยรถบัสโดยสาร
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.himejicastle.jp/en/
3. ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle), เมืองมัตสึโมโตะ จังหวัดนางาโนะ
ปราสาทมัตสึโมโตะ เดิมถูกเรียกว่า ปราสาทฟุคาชิ หรือ ปราสาทอีกา เนื่องจากตัวปราสาทมีสีดำ เป็นปราสาทเก่าแก่ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสามปราสาทที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่นร่วมกับ ปราสาทฮิเมจิ และ ปราสาทคุมาโมโตะ ถูกสร้างขึ้นในสมัยเซ็งโงคุ (ค.ศ.1573-1590) ให้เป็นปราสาทบนที่ราบอันเป็นจุดชัยภูมิซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ และมีการสร้างป้อมปราการเพิ่มในปลายศตวรรษที่ 16 มีระบบคูคลองและผนังที่ซับซ้อน
เช่นเดียวกับปราสาทส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น ที่ได้รับความเสียหายจากทั้งสงครามและภัยธรรมชาติ ปราสาทมัตสึโมโตะได้รับการบูรณะให้คงสภาพสมบูรณ์อีกครั้งช่วงปลายศตวรรษที่ 18 โดยการระดมทุนของโรงเรียนมัธยมและชาวบ้านในท้องถิ่น ในฤดูหนาว ภาพของปราสาทมัตสึโมโตะซึ่งมีสีดำตัดกับภูเขาหิมะสีขาวโพลนของเทือกเขาแอลป์ นับเป็นเอกลักษณ์ที่มีความงดงามแปลกตากว่าปราสาทอื่นๆ
วัน-เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่ 08.30-17.00 น. (ปิดวันที่ 29-31 ธ.ค.)
ค่าเข้าชม: บุคคลทั่วไป 700 เยน/ เด็ก 300 เยน
การเดินทาง: จากโตเกียว นั่งรถไฟ Shinori JR Line มาลงที่สถานี “Matsumoto” จากนั้นเดินเท้าต่อประมาณ 15 นาที
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.matsumoto-castle.jp/lang/
4. ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle), เมืองคุมาโมโตะ จังหวัดคุมาโมโตะ
ปราสาทคุมาโมโตะ เป็นหนึ่งในสามปราสาทที่ยิ่งใหญ่และงดงามที่สุดในญี่ปุ่น ร่วมกับ ปราสาทฮิเมจิ และ ปราสาทมัตสึโมโตะ สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1607 ตั้งอยู่บนยอดเขาในแขวงชูโอ เมืองคุมาโมโตะ ภายในบริเวณ จะมีปราสาทขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นใหม่ด้วยคอนกรีต ในปี ค.ศ. 1960 (หลังจากได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว) มีป้อมปราการและอาคารไม้รายล้อมอยู่หลายสิบหลัง
ปราสาทคุมาโมโตะเปรียบเสมือนเวทีสะท้อนเรื่องราวของเหล่าวีรบุรุษและบุคคลสำคัญในตลอด 400 ปีที่ผ่านมาของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น ตระกูลขุนนาง นักดาบมูซาชิ ผู้บัญชาการกองทัพจักรวรรดิ ซึ่งได้สลักชื่อของพวกเขาลงบนแผ่นจารึกประวัติศาสตร์ ในขณะที่บรรยากาศภายในบริเวณปราสาทนั้นช่างผ่อนคลายด้วยความเขียวขจีของพืชพรรณนานาชนิด
วัน-เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่ 09.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม: บุคคลทั่วไป 800 เยน/ เด็กนักเรียน 300 เยน/ เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ไม่เสียค่าเข้าชม
การเดินทาง: นั่งรถไฟมาลงที่สถานี “Kumamoto” ต่อด้วยรถรางมาลงสถานี “Kumamoto Castle/City Hall” จากนั้นเดินเท้าต่อประมาณ 10 นาที
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://castle.kumamoto-guide.jp/en/
5. ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle), เมืองโอซาก้า จังหวัดโอซาก้า
ปราสาทโอซาก้า เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เคยปรากฏภาพอวดโฉมอย่างโดดเด่นในภาพยนตร์ Godzilla Raid Again ในปี ค.ศ.1955 จนเป็นที่รู้จักโดยทั่วกัน ปราสาทโอซาก้า สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1583 เพื่อเป็นป้อมปราการและสัญลักษณ์แห่งอำนาจอันรุ่งเรืองของฮิเดโยชิ โทโยโทมิ ไดเมียวและซามูไรผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค เป็นปราสาทห้าชั้นที่สร้างขึ้นบนกำแพงหินที่ล้อมรอบด้วยคูน้ำ ในช่วงทศวรรษ 1600 ได้มีสายฟ้าฟาดลงมาที่คลังดินปืน เกิดระเบิดกลายเป็นเพลิงไหม้ครั้งใหญ่จนปราสาทได้รับความเสียหายอย่างหนัก ก่อนจะได้รับการบูรณะซ่อมแซมให้กลับมาสมบูรณ์งดงามอีกครั้งในช่วงปลายศตวรรษที่ 19
วัน-เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่ 09.00-17.00 น. (ปิดวันที่ 28 ธ.ค. ถึงวันที่ 1 ม.ค.)
ค่าเข้าชม: บุคคลทั่วไป 600 เยน/ เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ไม่เสียค่าเข้าชม
การเดินทาง: จากสถานี “Shin-Osaka” นั่งรถไฟ JR Tokaido Line มาลงที่สถานี “Osaka” จากนั้นนั่ง “Osaka Loop Line” มาลงสถานี “Osakajo-Koen”
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.osakacastle.net/english/

6. ปราสาทนิโจ (Nijo Castle), เมืองเกียวโต จังหวัดเกียวโต
ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1603 เพื่อเป็นที่พำนักของโทคุงาวะ อิเอยาสุ โชกุนคนแรกของโทคุงาวะ (1603-1867) ผู้รวมญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่น นำมาซึ่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองกว่า 260 ปี ปราสาทนิโจเป็นปราสาทที่สร้างบนพื้นราบในเมืองเกียวโต ประกอบด้วยตัวปราสาทหลักและป้อมปราการสองวง ภายในบริเวณยังมีพระราชวังนิโนมารุ (Ninomaru) ซึ่งถูกบันทึกให้เป็นสมบัติประจำชาติ และพระราชวังฮอนมารุ (Honmaru) ที่ถูกยกให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ รวมทั้งยังมีสวนสวยที่มีทิวทัศน์งดงามด้วย
วัน-เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่ 08.45-16.00 น. (ปิดวันที่ 29-31 ธ.ค.)
ค่าเข้าชม: บุคคลทั่วไป 1,030 เยน
การเดินทาง: นั่งรถไฟ “JR Sagano Line” จากสถานี “Kyoto” มาลงสถานี “Nijo” จากนั้นเดินเท้าต่อประมาณ 15 นาที
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://nijo-jocastle.city.kyoto.lg.jp/?lang=en
7. ปราสาทมัตสึเอะ (Matsue Castle), เมืองมัตสึเอะ จังหวัดชิมาเนะ
มีชื่อเล่นว่า ปราสาทดำ (Black Castle/ Plover Castle) เป็นหนึ่งในปราสาทยุคกลางเพียงไม่กี่แห่งที่สร้างจากไม้แบบดั้งเดิมที่ยังหลงเหลืออยู่ในญี่ปุ่น ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1607 และเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1611 ตามคำบัญชาของไดเมียวโฮริโอะ โยชิฮารุ ผู้ก่อตั้งเมืองมัตสึเอะ เพื่อเป็นป้อมปราการอันแข็งแกร่งที่คอยปกป้องภัยจากการรุกรานของศัตรูยามศึกสงคราม
ในปี ค.ศ.1875 ปราสาทมัตสึเอะ (ยกเว้นอาคารหลักของปราสาท) ได้ถูกรื้อถอนทำลาย ตามประกาศของทางการที่สั่งให้รื้อถอนปราสาทส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น แต่ผู้คนในเมืองได้รวมตัวกันเรียกร้องให้เก็บสถาปัตยกรรมชิ้นนี้เอาไว้ ทำให้ปราสาทยังคงอยู่รอดด้วยโครงสร้างดั้งเดิมและได้รับการบูรณะจนเสร็จสมบูรณ์อีกครั้งในระหว่างปี ค.ศ. 1950-1955 “ปราสาทมัตสึเอะ” เป็นหนึ่งในห้าปราสาทที่ถูกจัดให้เป็นสมบัติประจำชาติอันล้ำค่าด้วยประวัติศาสตร์ที่แสนงดงามในยุคที่ซามูไรรุ่งเรือง
วัน-เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่ 08.30-18.30 น. (ปิดวันที่ 29-31 ธ.ค.)
ค่าเข้าชม: บุคคลทั่วไป 680 เยน เฉพาะชมตัวปราสาท / 1,100 เยน สำหรับชมปราสาทและส่วนอื่นๆด้วย
การเดินทาง: นั่งรถไฟลงสถานี “JR Matsue” จากนั้นเดินเท้า 30 นาที หรือ ลงที่สถานี “Matsue-Shinjiko Onsen” จากนั้นเดินเท้าต่อ 15 นาที
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.kankou-shimane.com/en/highlights
8. ซากปราสาทชูริ (Shuri Castle), เมืองนาฮะ จังหวัดโอกินาว่า
“เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 31 ต.ค.2562 ปราสาทชูริโจ สถานที่อันเป็นสัญลักษณ์ของโอกินาว่า ได้ถูกเพลิงไหม้เผาทำลายอาคารอย่างน้อย 7 หลัง รวมถึงในส่วนของอาคารหลักด้วย” ถ้อยแถลงของทางการเกี่ยวกับความเสียหายจากเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นกับสถานที่อันเป็นมรดกโลก (ได้รับขึ้นทะเบียนมรดกโลกโดย UNESCO) และความภาคภูมิใจของชาวโอกินาว่า สร้างเสียงร่ำไห้ของผู้คนในท้องที่และทั่วโลกมากมาย อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ ก็ได้มีผู้คนร่วมบริจาคเพื่อซ่อมแซมปราสาทชูริ ทำให้หลายๆส่วนในพื้นที่เริ่มทยอยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้บ้างแล้ว โดยในส่วนของอาคารโบราณหลัก มีเป้าหมายที่จะบูรณะให้แล้วเสร็จในปี 2026
“ปราสาทชูริ” เป็นปราสาทแบบริวกิว และเคยดำรงตนเป็นพระราชวังในสมัยอาณาจักรริวกิว ช่วงปี ค.ศ.1945 ปราสาทชูริมีความสำคัญกับโอกินาว่าเป็นอย่างมาก เพราะเป็นศูนย์กลางของทั้งการเมือง การทูต การต่างประเทศ และศิลปวัฒนธรรมในยุคสมัยที่เคยเป็นอาณาจักรอันรุ่งเรืองในโบราณ
วัน-เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00, 10.30, 13.00, 14.00, 15.00, 17.00 น. (วันละ 6 รอบ) จำกัดรอบละ 15 คน
ค่าเข้าชม: มีค่าเข้าชม โปรดเช็ครายละเอียดก่อนเข้าใช้บริการ
การเดินทาง: สามารถใช้บริการได้ทั้งรถบัสโดยสาร และรถโมโนเรล โดยส่วนของรถโมโนเรล Yui Rail ให้ไปลงที่สถานี “Shuri” จากนั้นเดินเท้าต่อประมาณ 15 นาที
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.visitokinawa.jp/about-okinawa/world-heritage/shuri-jo-site?lang=th
9. ปราสาทฮิโกเนะ (Hikone Castle), เมืองฮิโกเนะ จังหวัดชิงะ
เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในยุคเอโดะ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดชิงะ และเป็นหนึ่งในสิบสองปราสาท ที่ยังคงสภาพโครงสร้างเดิมไว้ได้เกือบสมบูรณ์ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1603 โดยคำบัญชาของ อิอิ นาโอกัตสึ บุตรชายของไดเมียวอิอิ นาโอมาสะ แล้วเสร็จในปี 1622 โดยหินส่วนหนึ่งที่ใช้ในการสร้างปราสาทฮิโกเนะ ถูกนำมาจากปราสาทซาวายามะ
ในช่วงทศวรรษที่ 1800 ได้มีการรื้อถอนปราสาทหลายแห่งทั่วญี่ปุ่นตามประกาศของทางการ แต่ปราสาทฮิโกเนะได้รับยกเว้น ตามประสงค์ขององค์จักรพรรดิเมจิเองที่ไม่ต้องการให้รื้อถอนปราสาทแห่งนี้ ทำให้ปราสาทฮิโกเนะยังคงสภาพดั้งเดิมไว้ได้เช่นเดียวกับปราสาทมัตสึเอะ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกแห่งชาติในปี ค.ศ.1952
วัน-เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่ 08.30-17.00 น
ค่าเข้าชม: มีค่าเข้าชม โปรดเช็ครายละเอียดก่อนเข้าใช้บริการ
การเดินทาง: นั่งรถไฟ JR Biwako Line มาลงที่สถานี “Hikone” จากนั้นเดินเท้าต่อประมาณ 15 นาที
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://en.biwako-visitors.jp/spot/detail/212
10. ปราสาทชิมาบาระ (Shimabara Castle), เมืองชิมาบาระ จังหวัดนางาซากิ
เป็นปราสาทที่สะท้อนเรื่องราวการปฏิวัติทางสังคมในท้องถิ่นคาบสมุทรชิมิบาระ เป็นบาดแผลที่แม้กาลเวลาผ่านไปก็ไม่อาจลบเลือน ปราสาทชิมาบาระเป็นปราสาทสีขาว สร้างขึ้นในยุคเอโดะโดยตระกูลมัตสึได เพื่อประกาศศักดาและอำนาจของชนชั้นปกครองในตอนนั้น เป็นศูนย์กลางของความฟุ่มเฟือย ด้วยมีการขูดรีดเก็บภาษีมากเกินกำหนดเพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้าง อีกทั้งเป็นสมัยที่มีการกดขี่เหยียดหยามศาสนาคริสต์และชาวคริสต์ในท้องที่ เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การก่อกบฏชิมาบาระในปี ค.ศ.1637-1638 ซึ่งเป็นการลุกฮือของประชาชนโดยมีชาวนาและกรรมกรเป็นสำคัญ
เป็นอีกหนึ่งปราสาทที่ถูกรื้อถอนทำลายในช่วงทศวรรษ 1800 ที่เห็นปัจจุบันคืออาคารที่สร้างขึ้นใหม่และเสร็จสมบูรณ์ในราวๆปี 1964 ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งร้อยปราสาทที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น และถ้าหากคุณมองลงมาจากจุดชมวิวบนหอคอยยอดปราสาท จะสามารถมองเห็นเมืองชิมาบาระได้ทั้งเมือง
วัน-เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่ 09.00-17.30 น
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 570 เยน / เด็กประถมและมัธยม 270 เยน
การเดินทาง: นั่งรถไฟ Shimabara Railway มาลงสถานี “Shimabara” จากนั้นเดินเท้าต่อประมาณ 5 นาที
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://shimabarajou.com/
♦ By PokSafin ♦
ขอบคุณข้อมูล;
https://www.swedishnomad.com/castles-in-japan/
https://gowithguide.com/blog/top-15-most-amazing-castles-in-japan-1124
https://www.jrailpass.com/blog/best-castles-in-japan
https://theculturetrip.com/asia/japan/articles/the-top-10-most-beautiful-castles-in-japan/
https://www.nagoyajo.city.nagoya.jp/en/nagoyajo/
https://www.himejicastle.jp/en/
https://www.matsumoto-castle.jp/lang/
https://castle.kumamoto-guide.jp/en/
https://www.osakacastle.net/english/
https://nijo-jocastle.city.kyoto.lg.jp/?lang=en
https://www.kankou-shimane.com/en/highlights
https://www.visitokinawa.jp/about-okinawa/world-heritage/shuri-jo-site?lang=th
https://en.biwako-visitors.jp/spot/detail/212