2 เมืองใหญ่ในญี่ปุ่น สุดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย “โตเกียว และโอซาก้า” เมืองที่ทุกคนใฝ่ฝันว่าสักครั้งอยากจะไปเหยียบถึงที่ ช้อปให้สนั่น กินให้แตก มีเท่าไหร่ทุ่มให้หมดตัว ด้วยความที่อยู่กันคนละภาค โตเกียวจะอยู่ทางเหนือและโอซาก้าจะอยู่ทางใต้ ทำให้มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม อาหารและบุคลิกของผู้คนที่แตกต่างกัน แม้แต่สำเนียงการพูดในภาษาญี่ปุ่นก็ต่างกัน เหมือนภาษาเหนือและภาษาใต้ของบ้านเรา หลายคนก็ไม่เคยรู้ว่า 2 เมืองนี้มีอะไรหลายอย่างที่แตกต่างกันทั้งๆที่อยู่ในประเทศเดียวกัน แต่ในความเหมือนที่แตกต่างทำให้ 2 เมืองนี้เป็นที่พูดถึงมากที่สุด แม้แต่ในกลุ่มคนญี่ปุ่นเองก็มีการเปรียบเทียบระหว่างคนโอซาก้าและคนโตเกียวอยู่บ่อยๆ ความน่ารักของความแตกต่างระหว่าง 2 เมืองใหญ่ดึงดูดความน่าสนใจนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ไปแล้วก็อยากไปอีก วันนี้เราไปดูกันว่า สองเมืองนี้มีความต่างกันอย่างไรที่เราอาจจะไม่ได้นึกถึงหรือสังเกตมาก่อน
อาหาร

รูปภาพจาก https://pixabay.com/ja/photos/search/takoyaki/
วัฒนธรรมการกินอาหารคือสิ่งแรกที่เห็นชัดในความแตกต่างระหว่างสองเมือง ในฝั่งภาคเหนือที่โตเกียวจะเน้นอาหารที่มีรสชาติเข้มและมีกลิ่นสดจากวัตถุดิบ ในทางกลับกันฝั่งคันไซโอซาก้า อาหารจะมีรสชาติอ่อนและกลมกล่อมมากกว่า สิ่งที่ดูได้ง่ายนั่นคือซอสถั่วเหลืองหรือที่รู้จักกันว่า “โชยุ” ถ้าเป็นในแถบโตเกียวจะใช้ซอสสีดำเข้มข้นกันมากกว่าเพื่อให้มีรสชาติแน่น แต่ถ้าเป็นฝั่งคันไซ จะมีสีอ่อนกว่า ออกใส ให้มีรสชาตินุ่ม ส่งผลถึงรสชาติของซุปหรือที่เรียกกันว่า “dashi” เป็นอีกปัจจัยหนึ่งสำคัญที่แสดงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมอาหารที่แตกต่างกันของสองเมือง ในเขตโตเกียวจะปรุงซุปด้วยการใช้ Katsuobushi ผสมกัยโชยุรสเข้ม ในทางกลับกัน โอซาก้าจะใช้ Kombu ผสมกับโชยุรสอ่อน ทำให้รสชาติของซุปในเขตโตเกียวโดยทั่วไปมีความเข้มคนมากกว่าซุปในเขตโอซาก้าซึ่งจะมีน้ำซุปที่ใส สีอ่อนและให้รสกลมกล่อม ออกเค็มเล็กน้อย ถ้ามีโอกาสได้เที่ยวทั้งสองเมืองในทริปเดียวกัน ให้ลองไปหาทานราเมงชื่อดังของทั้งในโตเกียวและโอซาก้า จะรู้ว่ารสชาตินั้นไม่เหมือนกันเลย พูดถึงเรื่องวัตถุดิบอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง ก็ขาดไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงเนื้อวากิวและปลามากุโระ ถึงแม้ว่าวัตถุดิบ 2 ประเภทนี้สามารถหาทานได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่เนื้อวากิวที่ดีส่วนใหญ่มาจากเขตคันไซ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อมัตสึซากะหรือว่าเนื้อโกเบที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ก็มาจากบริเวณคันไซทั้งหมด ทำให้ชื่อเสียงของอาหารประเภทเนื้อนั้นดังในโอซาก้าและบริเวณโดยรอบมากกว่าในเขตโตเกียว ในทางกลับกันในเรื่องของอาหารทะเลโดยเฉพาะปลามากุโระ จะได้ปลาที่ดีในเขตโตเกียวมากกว่าในเขตคันไซ เพราะมีตลาดปลาใหญ่หลายแห่งและเป็นที่ชุมนุมของปลาหลายชนิดในเขตโตเกียวมากกว่าครับ ชาวญี่ปุ่นพูดกันอยู่เสมอว่าอาหารที่โอซาก้านั้นมีรสชาติดีกว่าและถูกปากคนญี่ปุ่นมากกว่า ไม่จะเป็น ทาโกย่ากิ โอโคโนมิยากิ อร่อยสุดก็ต้องที่โอซาก้า เวลาที่คนจากโตเกียวเดินทางไปเที่ยวในเขตคันไซ ก็จะเน้นการกินเป็นส่วนใหญ่ ใน Concept ที่ว่าโอซาก้านั้นมีอาหาร “อร่อยและถูก” กว่าที่โตเกียว
รูปภาพจาก https://www.flickr.com/photos/bryansjs/14896755503
ภาษาพูด

รูปภาพจาก https://www.flickr.com/photos/pedrosz/45495476315
ถึงแม้ประเทศญี่ปุ่นจะใช้ภาษาเดียวคือภาษาญี่ปุ่นกันทั่วประเทศ แต่ละภูมิภาคก็มีสำเนียงและภาษาท้องถิ่นที่แตกต่างกันไป เด่นชัดที่สุดคือความแตกต่างระหว่างภาษาญี่ปุ่นโตเกียวที่จัดว่าเป็นภาษามาตรฐาน กับภาษาญี่ปุ่นคันไซที่ใช้ในทั่วไปในแถบคันไซโดยมีโอซาก้าเป็นศูนย์กลาง โดยพื้นฐานไวยากรณ์นั้น ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่สำเนียงในการพูดและคำศัพท์หลายๆคำ มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น
ความหมาย | Tokyo | Osaka |
ทิ้ง | Suteru | Hokasu |
ขอบคุณ | Arigatou | Ookini |
จริงๆ, มาก | Hontou | Homma |
〜ไม่ได้ | 〜nai | 〜hen |
ส่วนใหญ่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือสำเนียงในการพูดของผู้คนในเขตคันไซ จะมีความเหนอและขึ้นเสียงสูง เมื่อเปรียบเทียบกับโตเกียวแล้ว จะมีจังหวะภาษาในระดับที่กลางถึงต่ำ เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่น่าสนใจให้นักท่องเที่ยวได้ลองเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างสองเมืองใหญ่นี้ดูเวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งหน้าครับ นักเรียนชาวต่างชาติที่เรียนภาษาญี่ปุ่นทุกคนจะเริ่มเรียนภาษากลางหรือภาษาที่ใช้ในโตเกียว แต่ถ้ามาสเตอร์ได้แล้วสามารถเรียนรู้สำเนียงและการใช้ภาษาในเขตอื่นๆโดยเฉพาะเขตคันไซได้เพื่อความสนุกสนานในการสนทนา เพราะคนญี่ปุ่นคิดอยู่เสมอว่าผู้คนที่มาจากคันไซเป็นคนตลก ร่าเริง ทำให้ภาษามีเสน่ห์และมีอารมณ์ขันมากกว่าภาษาที่ใช้ในเขตโตเกียว
ลักษณะนิสัยผู้คน

รูปภาพจาก https://www.flickr.com/photos/stuckincustoms/24867811168
ถึงแม้จะเป็นคนญี่ปุ่นเหมือนกันแต่ว่าคนที่มาจากโตเกียวมีความแตกต่างในเรื่องของบุคลิกโดยทั่วไปเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่มาจากโอซาก้าอย่างชัดเจน ลักษณะนิสัยของคนในเขตคันไซจะเป็นคนที่ร่าเริง สนุก ชอบคุยและ open-mind ซึ่ง Comedian ส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นก็มาจากเมืองในเขตคันไซทั้งนั้น ในทางกลับกันคนที่โตเกียวจะมีความสุขุม เรียบร้อยและมีความเนี๊ยบนิ่งแบบญี่ปุ่นจ๋ากว่าคนในเขตคันไซ ทำให้เป็นที่พูดคุยกันว่า คนในเขตคันไซสามารถเข้าหาชาวต่างชาติได้มากกว่า เจรจาต่อรองสินค้าได้เก่งกว่า และมีความกล้าที่จะพูดกว่า แน่นอน ตลกกว่าคนในเขตโตเกียว อย่างไรก็ตาม ทั้งสองเขตก็ยังให้ความเป็นญี่ปุ่นที่ว่าใจดีสุภาพ “โอโมเตะนาชิ” ในแบบสไตล์ที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง
สภาพอากาศ

รูปภาพจาก https://www.flickr.com/photos/ckblue1129/40006364541
แน่นอนเมื่ออยู่ในเขตภาคเหนือก็จะมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าตลอดปี โตเกียวจะมีหิมะตกมากกว่าโอซาก้าในฤดูหนาวและมีโอกาสที่เมืองจะขาวโพลนไปด้วยหิมะมากกว่า ส่วนที่โอซาก้าถึงแม้จะมีอากาศหนาวเช่นกันและมีหิมะตกในบางครั้งแต่ก็น้อยครั้งที่จะเห็นหิมะกองบนพื้นเหมือนพื้นที่ในเขตเหนือ เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนฤดูเข้าสู่หน้าใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง ก็จะเห็นความแตกต่างในความเร็วของพืชพรรณและธรรมชาติได้อย่างชัดเจนใน 2 เขตนี้ โอซาก้าจะได้ชมดอกซากุระก่อนโตเกียว เนื่องจากลมอุ่นจะพัดมาจากทางภาคใต้ แต่โตเกียวจะได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีก่อนเวลาเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากลมหนาวจะมาทางภาคเหนือ ใครที่ชอบสภาพภูมิอากาศที่สบายๆติดลมทะเลและไม่หนาวมาก ก็แนะนำให้ไปเที่ยวที่โอซาก้าหรือเขตคันไซ ส่วนใครที่อยากท้าอากาศหนาวก็ให้ตั้งจุดปลั๊กหลักกันที่เมืองหลวงโตเกียวครับ
รูปภาพจาก https://www.flickr.com/photos/fish0835/26903298566
การเดินทาง

รูปภาพจาก https://www.flickr.com/photos/wry2010/5194511521
ระบบการคมนาคมของญี่ปุ่นยังคงมาตรฐานสูงทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในโตเกียวและโอซาก้าก็มีเส้นทางการเดินทางของรถไฟทั้งบนดินและใต้ดินอย่างมากมายเป็นใยแมงมุม แต่ด้วยที่มีจำนวนประชากรหนาแน่นกว่าในโตเกียว ทำให้รถไฟในเมืองนั้นมีความแน่นมากในเวลาเร่งด่วนทั้งตอนเช้าและตอนเย็น นักท่องเที่ยวควรหลีกเลี่ยงเวลาเร่งด่วนอย่างมากเพราะมันแน่นแบบปลากระป๋องเลยทีเดียว ที่โอซาก้าก็ยังมีผู้คนหนาแน่นในเวลาเร่งด่วนแต่ก็ไม่แน่นเท่ากับที่โตเกียว เส้นทางออกต่างจังหวัดก็มีมาก ถ้านักท่องเที่ยวเดินทางไปยังเขตภาคใต้ไม่ว่าจะเป็นฮิโรชิมาหรือฟุคุโอกะก็ต้องมาเริ่มเดินทางจากสถานีโอซาก้า ส่วนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังภาคเหนือไม่ว่าจะเป็นนีงาตะ หรืออาคิตะ ก็จะเดินทางออกจากศูนย์กลางที่โตเกียว สองเมืองนี้เป็นเหมือนศูนย์กลางคมนาคมใหญ่ของทั้ง 2 เขตทางเหนือและใต้ ส่วนการเดินทางระหว่างโตเกียว-โอซาก้า มีรถไฟหัวจรวดหรือชินคันเซ็นของบริษัท JR tokai ที่เชื่อมระหว่าง 2 เมืองนี้ภายในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง การเดินทางทางอากาศ จะมีเที่ยวบินต่างประเทศมากกว่าที่โตเกียว เนื่องจากสายการบินสัญชาติญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะตั้งฐานที่สนามบินนาริตะหรือฮาเนดะในเมืองโตเกียว ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปในเขตเอเชีย ยุโรปอเมริกาเหนือ หรือออสเตรเลีย คนญี่ปุ่นก็ต้องมาเปลี่ยนเครื่องที่โตเกียว สายการบินสัญชาติต่างประเทศหลายๆแห่งบินตรงสู่สนามบินคันไซโอซาก้าเช่นกัน แต่ก็ยังเน้นไปในเขตเอเชียที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางเข้าโอซาก้า เส้นทางบินตรงจากโอซาก้าไปยุโรปและอเมริกาเหนือจะมีน้อยกว่าโตเกียว นอกจากเส้นทางยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น เช่นฮาวายเป็นต้น
รูปภาพจาก https://www.flickr.com/photos/inazakira/8381052999
ในทางกลับกันการขนส่งสินค้าทางเรือจะมาจอดที่ท่าเรือโกเบเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เขตคันไซเป็นเขตส่งออกและนำเข้าสินค้านานาชาติมากกว่าที่โตเกียว เรือสำราญขนาดใหญ่ก็จะมาพักกันที่ port ในเขตคันไซ เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำรายได้เข้าเมืองมากที่สุดเช่นกัน
ระเบียบทางสังคม

รูปภาพจาก https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Escalator_in_Umeda.jpg
ชาวญี่ปุ่นมีระเบียบทางสังคมกันดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการต่อแถว การใช้รถสาธารณะ ทุกคนก็มีมารยาทและปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด แต่ว่าความแตกต่างของสองเมืองนี้ในเรื่องระเบียบทางสังคมที่เห็นได้ชัดนั่นคือ การใช้ทางเดิน “ซ้ายหรือขวา” ผู้คนในเขตคันโตหรือโตเกียวจะเดินชิดซ้าย เวลายืนบนบันไดเลื่อนก็จะยืนชิดซ้ายและให้ทางขวาเป็นทางเดินผ่าน ในทางกลับกันผู้คนในเขตคันไซหรือโอซาก้าจะเดินชิดขวา และยืนบนบันไดเลื่อนทางขวามือ แล้วปล่อยให้ทางซ้ายเป็นทางเดินผ่าน ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนงงและสับสนเวลาเดินไปมาจาก 2 เมืองนี้
สถานที่ท่องเที่ยวในเมือง

รูปภาพจาก https://pixabay.com//ja/photos/日本-大阪-建物-市-363606/
เมื่อพูดถึงจำนวนสถานที่ท่องเที่ยวใน 2 เมืองนี้จะเห็นได้ชัดว่าโตเกียวมี tourist Spots มากกว่าโอซาก้า ไม่ว่าจะเป็น ชิบูย่า ฮาราจูกุ ชินจูกุ กินซ่า อาซากุสะ และอีกหลายที่ที่ยังนับไม่ถ้วนในเมืองใหญ่โตเกียว ส่วนที่โอซาก้าผู้คนส่วนใหญ่จะรวมตัวกันอยู่ 2 แห่งคือ นัมบะและอุเมดะ เท่านั้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะไม่อยู่ในเมืองโอซาก้าเป็นเวลานาน แต่จะเที่ยวรอบๆคันไซไปในเขตอื่นๆ ทั้ง เกียวโต นาราและวากายาม่า ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวในเขตโตเกียว แล้วแต่สไตล์ของการท่องเที่ยวของคุณ ถ้าชอบเมืองใหญ่ที่มีจุดชอปปิ้งหลายจุดก็ให้ปักหลักที่โตเกียวได้ถึง 5 วัน แต่ถ้าเป็นคนชอบเดินทางหลายแห่งและชอบท่องเที่ยวแนวประวัติศาสตร์และธรรมชาติก็ให้ปักหมุดที่โอซาก้าและบริเวณเขตคันไซได้เลย เพราะใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงในการเดินทางออกจากโอซาก้าไปยัง เกียวโต นาราและโกเบ
ถึงแม้จะเป็นประเทศเดียวกัน แต่ว่าทั้ง 2 เมืองใหญ่ก็มีเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป ทั้งทางวัฒนธรรม อาหาร ผู้คน การคมนาคม เราจะไปเที่ยวกี่ครั้ง ก็ไม่เบื่อเพราะมีอะไรให้ค้นหาอีกมากมายที่ประเทศนี้ครับ