ข้อควรรู้ญี่ปุ่น

ข้อควรรู้เวลาเข้าสนทนากับคนญี่ปุ่น

หัวข้อที่เกี่ยว
|
conversation (1)

คนญี่ปุ่นเป็นชนชาติที่มีวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยความสุภาพ การเคารพต่อกันและกันและการใส่ใจในรายละเอียด ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ แต่หลายคนพบว่าการเข้าหาชาวญี่ปุ่นนั้นไม่ง่าย ด้วยปัญหาการสนทนาที่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี จริงๆแล้ว ปัจจัยที่ท้าทายกว่านั้น เกิดจากความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมในการเข้าหาบุคคลครับ 

เอกลักษณ์ของคนไทยคือความแจ่มใสร่าเริง ใกล้ชิด เป็นมิตรและเข้ากับคนได้ง่ายถึงแม้เพิ่งจะรู้จักกัน ซึ่งแตกต่างจากลักษณะของคนญี่ปุ่น ทำให้บางครั้งเกิดช่องว่างระหว่างกันและทำให้ชาวญี่ปุ่นรู้สึกเกร็งเวลาเข้าสนทนาด้วย 

วันนี้ผมได้สรุปข้อควรรู้ก่อนที่จะเข้าหาคนญี่ปุ่น ให้ผู้อ่านได้ปรับทัศนคติและวิธีเข้าหาคนญี่ปุ่นให้ถูกต้อง เพื่อสร้างความประทับใจและความสบายใจแก่ชาวญี่ปุ่นครับ

โค้งทักทายก่อนเสมอ

ขอบคุณรูปภาพจาก https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Ojigi_2016-05-15.jpg

สิ่งสำคัญที่สุดเวลาเข้าหาคนญี่ปุ่น ไม่ว่าจะครั้งแรกหรือครั้งสุดท้ายคือการโค้ง คนญี่ปุ่นใช้ทั้งในการเคารพ ทักทาย ขอบคุณและขอโทษเหมือนการไหว้ของคนไทย การโค้งของชาวญี่ปุ่น หลักๆแบ่งเป็น 3 ระดับ 

ระดับแรกเรียกว่า Echaku คือการโค้งประมาณ 15 องศา ใช้ในการแสดงความเคารพ การทักทายต่อกันก่อนเริ่มการสนทนา แม้แต่เวลาเดินผ่านคนที่รู้จัก ถึงแม้จะเห็นจากที่ไกลและไม่สามารถพูดทักทายได้ ก็จะใช้การเคารพในระดับนี้เพื่อแสดงการทักทายต่อกันได้ ต่อมาระดับที่ 2 คือการโค้งประมาณ 30 องศาหรือที่เรียกว่า Keirei ส่วนใหญ่นิยมใช้ในการแสดงการขอบคุณ สุดท้ายระดับที่ 3 เป็นการโค้งกว่า 45 องศาหรือที่เรียกว่า Saikeirei ซึ่งนิยมใช้ในการแสดงการขอโทษ ซึ่งจะก้มลงค่อนข้างเยอะเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจและสำนึกในเรื่องที่ทำผิดครับ  

ชม video ตัวอย่างได้ที่ 

https://youtu.be/QPQdnC7iMGs

เว้นระยะห่าง

ขอบคุณรูปภาพจาก https://pxhere.com/ja/photo/1544019

ในแต่ละวัฒนธรรมมีช่วงระยะห่างในการเข้าหาและสนทนาแตกต่างกันไปตามความใกล้ชิดหรือที่เรียกว่า Skinship ครับ ตัวอย่างเช่น ในวัฒนธรรมตะวันตก เราสามารถเข้าหาในระยะใกล้ได้เลยเพราะในวัฒนธรรมของเขาใช้การกอดและหอมแก้มในการทักทาย ซึ่งถ้าเราเว้นระยะห่างมากเกินไป จะทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจและกังวลว่าเราไม่อยากจะเข้าหา ทำความรู้จักเขาหรือเปล่า?  ตรงกันข้ามกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น ที่ถ้าเราเข้าใกล้คนญี่ปุ่นมากเกินไปจะทำให้ชาวญี่ปุ่นรู้สึกอึดอัด เพราะชาวญี่ปุ่นจะเว้นระยะห่างกับคนที่เพิ่งพบกันครั้งแรกหรือคนที่ไม่สนิทกัน  

ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นไม่นิยมใช้การกอดหรือการหอมแก้ม แม้แต่คนที่เป็นเพื่อนกันแล้ว ก็ยังเว้นระยะห่างเวลาสนทนา น้อยครั้งที่จะมีการกอดเวลาพบกันหรือลาจากกัน นอกจากจะเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะสนิทกันแค่ไหน การกอดของคนญี่ปุ่นก็ยังมีระยะห่างอยู่บ้าง โดย ชาวญี่ปุ่นจะใช้แค่มืออ้อมรับกอดและไม่โน้มตัวเช้าใกล้ชิดกันเหมือนวัฒนธรรมตะวันตกครับ

การเว้นระยะให้ space แก่คนญี่ปุ่นจะทำให้เขารู้สึกมีความมั่นใจและเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ไม่รู้สึกอึดอัดเวลาสนทนา ทำให้สามารถกระชับความสัมพันธ์และสร้างมิตรไมตรีได้ดีกว่าการแสดงความใกล้ชิดมากกเกินไปที่คนญี่ปุ่นนั้นไม่ชินครับ 

ยิ้มไว้ก่อน

ขอบคุณรูปภาพจาก https://pixabay.com/ja/photos/日本-かわいい-女の子-肖像画-2875383/

การส่งรอยยิ้มที่แจ่มใสเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เวลาเข้าหาคนญี่ปุ่นเหมือนกับทุกชาติอื่นๆ รอยยิ้มแสดงความจริงใจและไมตรี ทำให้อีกฝ่ายได้รู้สึกสบายใจและรับรู้ได้ว่าเราพร้อมและยินดีที่จะทำความรู้จักกัน 

ถึงแม้ชาวญี่ปุ่นจะยิ้มไม่เก่งเหมือนคนไทย แต่ชาวญี่ปุ่นก็ยังชื่นชอบความแจ่มใส ยิ้มง่ายที่คนไทยมีและเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นคนที่รู้จักกันแล้วหรือพบกันเป็นครั้งแรก ทั้งด้านธุรกิจและส่วนตัว สิ่งแรกที่สามารถแสดงความเป็นมิตรได้คือการส่งรอยยิ้มที่จริงใจให้แก่อีกฝ่ายครับ 

คุยเรื่องสุขภาพ

สุขภาพเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่คนญี่ปุ่นดูแลตัวเองอยู่เสมอโดยเฉพาะผู้ใหญ่ หัวข้อแรกที่จะใช้ในการสนทนาก่อนที่จะเปิดเรื่องคุยอื่นๆคือการถามสุขภาพ คนญี่ปุ่นเวลาเจอกันหรือแม้แต่เดินผ่านกันก็จะถามว่า ตอนนี้สุขภาพเป็นอย่างไร ก่อนที่จะถามเรื่องอื่นๆ 

สำหรับคนไทยแล้ว ส่วนใหญ่คำถามแรกที่ใช้ในการเปิดเรื่องสนทนาคือ วันนี้ทำอะไรหรือวันนี้จะไปไหน? การถามกำหนดการในแต่ละวันแบบนี้ ถือเป็นการผิดมารยาทและก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของชาวญี่ปุ่นซึ่งเราควรจะหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด 

Ogenki desu ka? คือคำถาม Classic ที่สามารถใช้ได้เวลาพบกับคนญี่ปุ่นไม่ว่าจะคนที่รู้จักกันแล้วหรือพบกันครั้งแรก นอกจากนี้ก็จะมีการคุยเรื่องสภาพอากาศที่ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใช้เป็นหัวข้อในเปิดการสนทนาด้วยครับ 

ตรงต่อเวลานัดหมาย

ขอบคุณรูปภาพจาก https://commons.wikimedia.org/wiki/File:On_Time_Sports_Logo.png

เวลาคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชาวญี่ปุ่น การผิดนัดหมายหรือมาสายถือเป็นการผิดมารยาทและแสดงถึงการไม่มีความรับผิดชอบ ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการตรงต่อเวลามากซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ สังเกตเห็นได้ว่าตารางรถไฟของประเทศญี่ปุ่นนั้น กำหนดถึงหลักนาทีและระบบรถไฟดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงต่อเวลามากที่สุด ถ้ามีเหตุการณ์ใดที่ทำให้ตารางรถไฟนั้นเคลื่อนแม้แต่ 1 นาที  ชาวญี่ปุ่นก็แสดงการขอโทษและรับผิดชอบต่อการที่ทำให้ผู้โดยสารนั้นเสียเวลาไป 

เมื่อมีการนัดหมายกับชาวญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นการพบกันครั้งแรกหรือเพื่อนที่รู้จักกันแล้ว สิ่งที่ควรตระหนักคือเรื่องของการจัดการเวลา ชาวญี่ปุ่นจะมาถึงสถานที่นัดหมายก่อนเวลานัดประมาณ 5-10 นาทีและน้อยครั้งที่จะเห็นคนญี่ปุ่นมาสาย เราในฐานะคนต่างชาติก็ควรที่จะจัดการเวลาให้ดีในลักษณะเช่นเดียวกัน ให้มาถึงที่หมายก่อนเวลานัดอย่างน้อย 5 นาทีครับ

อ่านเพิ่มเติม:  7 หลักปฎิบัติของคนญี่ปุ่นที่เราควรทำตาม

https://ohhotrip.com/14245/

ทักทายผู้อาวุโสก่อน

สังคมญี่ปุ่นเป็นสังคมแบบแนวตั้งคือสังคมที่มีการเคารพผู้สูงอายุหรือผู้ที่อาวุโสก่อน โดยเฉพาะในบริษัทที่จะมีการให้เกียรติและให้ความเคารพแก่เจ้านายเป็นอย่างมาก ซึ่งส่งผลต่อการเข้าหาคนญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน 

เราควรจะให้การทักทายแก่ผู้ที่อาวุโสที่สุดในกลุ่มก่อนที่จะหันมองคนอื่นๆ ในด้านธุรกิจเช่นกัน เวลาแลกนามบัตรก็ควรที่จะแลกกับผู้ที่มีตำแหน่งสูงที่สุดหรืออาวุโสที่สุดก่อน แล้วไล่ลำดับตามลงมาครับ 

บอกลาจนสุดสายตา

สุดท้ายนี้คือการบอกลาที่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญมากและหาไม่ได้ในชาติอื่น เมื่อมีแขกมาเยี่ยมเยียนที่บริษัทหรือที่บ้าน ชาวญี่ปุ่นจะส่งแขกที่หน้าประตูและจะรอจนกว่าแขกนั้นจะเดินลับสายตาไปโดยเฉพาะแขกคนสำคัญ 

สังเกตได้ง่ายจากเวลาเราไปซื้อของที่ร้านค้าในประเทศญี่ปุ่น ถ้าไม่เป็นร้านใหญ่จนเกินไปพนักงานจะยื่นสินค้าและส่งเราที่หน้าประตู โดยจะยืนเคารพอยู่ตรงนั้นจนกว่าเราจะเดินลับสายตาของเขาไป เป็นการบอกให้รู้ว่าทางร้านมีความยินดีและดีใจที่มีแขกเข้ามาเยือนและขอให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ ซึ่งถ้าเรามีโอกาสรับแขกญี่ปุ่นก็ควรจะปฏิบัติในลักษณะเดียวกัน โดยเฉพาะในทางธุรกิจ จุดเล็กๆแบบนี้เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวญี่ปุ่นครับ

ขอบคุณรูปภาพจาก https://travel.watch.impress.co.jp/img/trw/docs/746/598/html/21.jpg.html


วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์นี้ของชาวญี่ปุ่นอาจจะทำให้รู้สึกว่าแตกต่างกับวัฒนธรรมของไทย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไปที่เราจะปรับให้คนญี่ปุ่นนั้นรู้สึกสบายใจและมั่นใจในการคุยสนทนากับเราได้ครับ ถึงแม้เราอาจจะพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้หรือใช้การสนทนาภาษาอังกฤษแบบขรุขระ ถ้าเราปฏิบัติตามข้อวัฒนธรรมต่างๆเหล่านี้ ก็สามารถสร้างความประทับใจให้และเข้าหาคนญี่ปุ่นได้มากขึ้นครับ  

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
ABOUT ME
Ammer
สวัสดีครับ ผมแอมเมอร์ ครับ จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัย Nanzan University ที่ประเทศญี่ปุ่นและใช้ชีวิตอยู่ญี่ปุ่นกว่า 7 ปี อดีต เป็นพนักงานต้อนรับบนเรื่องบินและบินเส้นทางญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ ทำให้มีความคุ้นเคยกับญี่ปุ่นตั้งแต่เหนือจดใต้ ประเทศญี่ปุ่นเปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ปัจจุบันทำงานเป็นให้กับบริษัทเอกชนชื่อดัง นอกเหนือจากงานเขียนบน OhHoTrip ยังมีผบงานเขียนหนังสือออนไลน์ เรียน"ญี่ปุ่น" ยังไงให้รอด และช่อง Youtube เกี่ยวกับการเรียนภาษาญี่ปุ่นและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ถ้าชอบ Blog ที่ผมเขียน ช่วยกด LIKE กดแชร์ด้วยนะครับ :) https://www.youtube.com/c/Ammerkongtangjitt-japan
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!