ที่เที่ยวสนุกในญี่ปุ่น

คู่มือเที่ยว “พิพิธภัณฑ์จิบลิมิทากะโนะโมริ” ฉบับสมบูรณ์

Ghibli_museum4

สำหรับสาวกสตูดิโอจิบลิเจ้าของผลงานอนิเมชันอันโด่งดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “โทโทโร่เพื่อนรัก” (My Neighbor Totoro) ที่เป็นขวัญใจคนจำนวนมากทั่วโลก หรืออนิเมชันดีๆที่ได้รางวัลออสการ์มาแล้วอย่าง “มิติวิญญาณมหัศจรรย์” (Spirited Away) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็เปรียบเสมือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่จะต้องไม่พลาดการมาเยือน เพราะที่นี่คุณจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศของโลกแห่งจิบลีอย่างเต็มอิ่ม ทั้งยังมีโอกาสได้เห็นกระบวนการสร้างผลงานที่โด่งดังระดับโลกอีกด้วย

©Museo d'Arte Ghibli

ข้อมูลพิพิธภัณฑ์

“พิพิธภัณฑ์จิบลีมิทากะโนะโมริ” แห่งนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของสวนอิโนกาชิระใน อ.มิทากะ จ.โตเกียว และด้วยความที่เป็นพิพิธภัณฑ์ยอดนิยมแห่งหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยและความเพลิดเพลินในการชมที่นี่จึงกำหนดให้เข้าชมได้ด้วยการจองตั๋วล่วงหน้าแบบระบุวันและเวลาเท่านั้น บัตรแลกตั๋วเข้าชมสามารถได้ซื้อได้เฉพาะที่ลอว์สันทุกสาขาทั่วประเทศ หรือจองทางออนไลน์ โดยทุกวันที่ 10 ของเดือนจะเริ่มจำหน่ายตั๋วของเดือนถัดไป ค่าตั๋วเข้าชม ผู้ใหญ่/อายุ 19 ปีขึ้นไป 1,000 เยน อายุ 13-18 ปี 700 เยน อายุ 7-12 ปี 400 เยน อายุ 4-6 ปี 100 เยน ไม่เกิน 4 ปีฟรี ราคานี้รวมการเข้าชมภาพยนตร์สั้นเอาไว้แล้ว พิพิธภัณฑ์เปิดทำการ 10.00-18.00 น. ปิดวันอังคาร รอบเข้าชมมีวันละ 4 รอบคือ 10.00, 12.00, 14.00 และ 16.00 โดยสามารถเข้าช้าได้ไม่เกิน 30 นาทีหลังจากเวลาของรอบที่จองมา แต่เมื่อเข้าไปแล้วสามารถอยู่เที่ยวได้จนถึงเวลาปิด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์ : http://www.ghibli-museum.jp/en/

image : https://sumally.com/p/717043

วิธีการซื้อตั๋ว

1.ถ้าต้องการซื้อจากในประเทศญี่ปุ่น ตั๋วมีขายที่ลอว์สันประมาณ 10,000 สาขาทั่วประเทศญี่ปุ่นหรือซื้อจากเว็บจำหน่ายตั๋วของลอว์สัน โดยสามารถซื้อได้จนถึงก่อนเวลาเข้าชม แต่ตามปกติแล้วตั๋วมักจะเต็มก่อน วิธีการคือไปที่ตู้ Loppi ภายในร้าน เลือก “พิพิธภัณฑ์จิบลีมิทากะโนะโมริ” จากหน้าแรก เลือกเดือนที่ต้องการเข้าชม ถ้ามี “L Code” ให้แตะปุ่ม “กรอกหมายเลขต่างๆ” ใส่ L Code 5 หลักแล้วแตะปุ่ม “ต่อไป” เพื่อเลือกวันเวลาที่ต้องการ หลังจากสั่งซื้อผ่าน Loppi เรียบร้อยจะมีกระดาษพิมพ์ออกมา ให้นำกระดาษแผ่นนี้ไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์ภายใน 30 นาที 2.การซื้อตั๋วจากต่างประเทศสามารถซื้อผ่านระบบออนไลน์ได้จากบริการของ Lawson Ticket ตั๋วจะเริ่มจำหน่ายทุกวันที่ 10 ของแต่ละเดือน โดยสามารถจองได้เฉพาะตั๋วของเดือนถัดไป สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://l-tike.com/st1/ghibli-en/ การจองทางออนไลน์ต้องใช้บัตรเครดิต และเมื่อจองเรียบร้อยจะต้องพิมพ์รายละเอียดการจองพร้อมบาร์โค้ดนำไปแสดงพร้อมกับพาสปอร์ตของหัวหน้ากลุ่มผู้ทำการจอง ตั๋วที่ซื้อแล้วไม่ว่าจะผ่านช่องทางใดขอเปลี่ยนรอบ ขอคืนเงินไม่ได้ 1 คนซื้อได้ไม่เกิน 6 ใบ เมื่อไปถึงพิพิธภัณฑ์แล้วจะต้องนำตั๋วไปแลกเป็นบัตรผ่านประตูที่ทำจากฟิล์มหนังอีกครั้ง หากเพื่อนๆมีปัญหาเรื่องการจองตั๋วที่มีเงื่อนไขค่อนข้างเยอะ ต้องจองผ่าน Lawson เท่านั้น และอาจจะไม่ได้ตั๋วตามที่ตั้งใจไว้เนื่องจากเต็มก่อน

การเดินทาง

“พิพิธภัณฑ์จิบลีมิทากะโนะโมริ” ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของสวนอิโนะกาชิระ สถานนีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีมิทากะ เดินทางมาได้ด้วยรถไฟ JR สายจูโอและสายโซบุ (เชื่อมต่อโดยตรงกับโตเกียวเมโทรสายโทไซ)   <จากสนามบินฮาเนดะ> นั่งโตเกียวโมโนเรลไปลงที่สถานีฮามามัตสึโจ ต่อรถไฟ JR สายเคฮิงโทโฮคุหรือรถด่วนสายเนกิชิไปลงสถานีโตเกียว นั่งรถด่วนสาย JR จูโอไปลงที่สถานีมิทากะ   <จากสนามบินนาริตะ> ขึ้นเคเซสกายไลเนอร์จากสนามบินไปลงที่สถานีนิปโปริ ต่อรถไฟสายยามาโนเตะไปลงสถานีชินจูกุ นั่งรถด่วนสาย JR จูโอไปลงที่สถานีมิทากะ จากทางออกทิศใต้ของสถานี JR มิทากะ สามารถขึ้นรถบัสมิทากะซิตี้บัสสาย 2 ที่มีรถบัสซึ่งออกแบบโดยสตูดิโอจิบลิไว้ให้บริการด้วยไปยังพิพิธภัณฑ์ได้เลย “รถเวียนพิพิธภัณฑ์จิบลิมิทากะโนะโมริ” ขาไป : 6 นาที ขากลับ : 12 นาที “สายโรงเรียนเมียวโจ”  ขาไป : 6 นาที ขากลับ : 5 นาที   <ค่าโดยสาร> ผู้ใหญ่ เที่ยวเดียว 210 เยน ไปกลับ 320 เยน เด็ก เที่ยวเดียว 110 เยน ไปกลับ 160 เยน ภายในพิพิธภัณฑ์ไม่มีที่จอดรถยนต์ แต่มีที่จอดรถจักรยานได้ประมาณ 100 คัน การนั่งรถบัสจากสถานีมิทากะไปที่พิพิธภัณฑ์จิบลิมิทากะโนะโมริเป็นวิธีเดินทางที่สะดวก แต่ถ้าใครมีเวลาและอยากเดินเล่นไปชิลๆก็สามารถเดินไปจากทางออกด้านทิศใต้ของสถานีมิทากะได้โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที เส้นทางจากทิศใต้ของสถานีไปที่สะพานมันสึเกะซึ่งอยู่หน้าสวนอิโนะกาชิระเป็นเส้นทางเดินเล่นที่ทำไว้สวยงามร่มรื่น

image : https://aumo.jp/photos/155032

ภายในพิพิธภัณฑ์

©Nibariki ©Museo d'Arte Ghibli ©Studio Ghibli

เมื่อไปถึงป้าย “พิพิธภัณฑ์จิบลีมิทากะโนะโมริ” จะพบกับโทโทโร่ตัวโตรอต้อนรับอยู่พร้อมกับมัคคุโรคุโรสึเกะ ต้องเดินเลยจากตรงนี้ไปอีกเล็กน้อยจึงจะพบกับอาคารลักษณะแปลกตาที่ซ่อนตัวอยู่ในแมกไม้ของสวนอิโนกาชิระ ทางเข้าพิพิธภัณฑ์อยู่ที่อาคารสีขาวทางด้านหน้า หน้าต่างและโคมไฟในอาคารประดับประดาด้วยสเตนกลาสที่ทำเป็นรูปตัวละครในอนิเมชันของจิบลิ ดอกไม้และสัตว์น่ารักๆสีสันสวยงาม บนเพดานก็เป็นภาพวาดแบบเฟรสโกของตัวละครต่างๆ ตั๋วที่จะได้รับที่ทางเข้าเป็นฟิล์มหนัง 35 มม.ของจริง ซึ่งรับประกันว่าแฟนจิบลิคงจะกรี๊ด (ในใจ) ไม่หยุด ความพิเศษของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ซึ่งไม่เหมือนที่ไหนคือด้านในจะไม่มีป้ายบอกทางอะไรมากนัก เพราะแนวคิดของผู้สร้างพิพิธภัณฑ์คือต้องการให้ผู้เข้าชมหลงทางเข้าไปในโลกแห่งจินตนการของจิบลี การชมจึงไม่มีเส้นทางที่กำหนดไว้แน่นอน อยากจะไปที่ไหนก่อนหรือหลังก็ไปได้ตามต้องการ โดยจุดต่างๆในพิพิธภัณฑ์มีดังต่อไปนี้

©Museo d'Arte Ghibli

ห้องนิทรรศการถาวร “Where a Film is Born”

ห้องนิทรรศการถาวรแบ่งออกเป็นห้องเล็ก 5 ห้อง โดยเริ่มจากห้องที่จำลองบรรยากาศในสตูดิโอของจิบลีมาให้ชมได้อย่างสมจริง มีทั้งภาพร่างตัวละคร ดินสอสีที่วางอยู่ระเกะระกะ และเมื่อเดินชมไปเรื่อยๆก็จะเข้าใจถึงความละเอียดประณีตและขั้นตอนที่มากมายกว่าที่จะมาเป็นอนิเมชันอันลื่นไหลสวยงามให้เราได้ชม

© Studio Ghibli © Museo d'Arte Ghibli

ห้องนิทรรศการพิเศษ

จัดแสดงเรื่องราวในประเด็นต่างๆที่ทางพิพิธภัณฑ์หยิบยกขึ้นมาหมุนเวียนกันไป ตั้งแต่วันนี้จนถึงปลายปี 2019 จะเป็นนิทรรศการที่มีชื่อว่า "Painting the Colors of Our Films" ซึ่งจะจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับความสำคัญของการลงสีภาพในอนิเมชัน เพราะสีคือเครื่องมือหนึ่งที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ต่างๆได้

©Museo d'Arte Ghibli

โดะเซสะ ห้องฉายผลงาน

อยู่ที่ชั้นใต้ดิน เป็นโรงหนังขนาดเล็กจุคนได้ประมาณ 80 คน เพดานวาดเป็นรูปท้องฟ้า ผนังเป็นรูปดอกไม้ใบไม้สีสันสดใส เมื่อฉายหนังจบจะมีการเปิดหน้าต่างให้แสงสว่างจากข้างนอกส่องลอดเข้ามา อนิเมชันซึ่งจะได้ชมที่นี่คืออนิเมชันขนาดสั้นเรื่องพิเศษของจิบลีซึ่งหาชมที่อื่นไม่ได้หรือบางครั้งก็เป็นอนิเมชันดีๆที่ทางพิพิธภัณฑ์อยากนำเสนอ เก้าอี้สีแดงขนาดย่อมทำไว้พิเศษสำหรับเด็ก เพื่อให้สามารถขึ้นไปนั่งบนที่พิงหลังได้ถ้าคนข้างหน้าบัง ห้องฉายหนังทำเลียนแบบรถไฟและเป็นกระจกใสเพื่อให้มองเห็นคนที่ฉายหนังอยู่ด้านในได้

©村上宗一郎

ห้องสมุด

ห้องรวมหนังสือภาพและหนังสือสำหรับเด็กที่แนะนำโดยพิพิธภัณฑ์ โดยมีแนวคิดว่าต้องการให้เด็กได้สัมผัสสิ่งที่แปลกใหม่ในรูปของ “หนังสือ”

ห้องรถบัสแมวเหมียว

ห้องบนชั้นสองมีไว้สำหรับคนที่อยากลองนั่งรถบัสแมวเหมียวดูจริงๆซักครั้ง แต่จำกัดคนที่จะขึ้นไปลองนั่งได้ไว้เฉพาะเด็กไม่เกินชั้นประถมเท่านั้น

©Museo d'Arte Ghibli

โลกของลาพิวตา

เมื่อขึ้นบันไดวนข้างห้องรถบัสแมวเหมียวไปก็จะพบกับสวนบนดาดฟ้าที่เขียวชอุ่มสวยงาม ที่ซึ่งมีทหารหุ่นยนต์หน้าตาใจดียืนเฝ้าอยู่เงียบๆ สวนแห่งนี้จำลองบรรยากาศให้เหมือนกับโลกของลาพิวตา มีทั้งภาษาลาพิวตาสลักไว้และมีป้ายหินแบบเดียวกับที่ปรากฎอยู่ในเรื่องราวอีกด้วย

image : https://www.okigaru-migaru.net/entry/mitaka-ghibli-museum

คาเฟ “มุกิวาราโบชิ”

ผนังด้านนอกสีส้ม หน้าต่างสีแดงให้ความรู้สึกที่สดใส บนระเบียงมีต้นสนขนาดใหญ่ให้ร่มเงา เมนูที่มีบริการเป็นเมนูง่ายๆและมีไม่มากนัก แต่ก็น่ารักและน่าเข้าไปนั่งพักเหนื่อยเป็นอย่างยิ่ง (แม้ว่าคนจะแน่นอยู่ซักหน่อยก็ตาม)

©Museo d'Arte Ghibli

ร้านของที่ระลึก

ที่นี่มีขายทั้งสินค้าของจิบลีที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้วและสินค้าออริจินอลของพิพิธภัณฑ์ที่ไม่มีขายที่อื่น พิพิธภัณธ์จิบลีมิทากะโนะโมริซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของทั้งเด็กและผู้ใหญ่มีอะไรให้ค้นหามากมายพอที่จะใช้เวลาอยู่ได้ทั้งวัน ยิ่งถ้าเป็นคนที่คลั่งไคล้ในโลกของจิบลีอยู่แล้วล่ะก็ เรารับประกันได้เลยว่าที่นี่คือที่หนึ่งในญี่ปุ่นที่คุณจะต้องอยากมาซ้ำแล้วซ้ำอีก

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
ABOUT ME
kaguya
นักเขียนและนักเดินทางที่มีบ้านอยู่บนเส้นทางจักรยานชิมานามิไคโดในฮิโรชิมา
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!