เชื่อว่าเมืองเกียวโตนั้นเป็นหนึ่งในเมืองที่คนไทยหลายคนรักและหลงใหลกับมนต์เสน่ห์ของเมืองแห่งนี้ แต่ด้วยสถานที่เที่ยวที่หลากหลายจนไม่รู้ว่าจะต้องวางแผนการเดินทางอย่างไรดี ในครั้งนี้เราจะขอแนะนำคอร์สการเดินทางในหนึ่งวันของเมืองเกียวโต ที่บริเวณคาราซุมะไปจนถึงวัดคิโยมิสุ สำหรับการเดินทางในเกียวโตอันที่จริงมีตั๋วแบบนั่งรถเมล์แบบวันเดย์ทิกเก็จ เหมาะกับคนที่มีเวลาและอยากเดินทางไปหลาย ๆ และเป็นที่ที่ไม่มีรถไฟผ่านแต่ถ้าหากมาเที่ยวเกียวโตเพียงคนเดียวหรือไปเป็นกลุ่มเล็ก ๆ อาจจะไม่ค่อยแนะนำให้ใช้บริการรถเมล์ เนื่องจากการจราจรค่อนข้างติดขัด ยกเว้นสถานที่ที่อยากไปต้องใช้บริการรถเมล์เท่านั้น สำหรับคนที่มีเวลาจำกัด คนที่มีเวลาจำกัดและอยากประหยัดเวลาใช้แท็กซี่น่าจะสะดวกกว่า
1. มื้อเช้า 08:00-09:00
มาถึงเกียวโตทั้งที เราก็ไม่ควรจะพลาดผักและของดองอันเป็นของขึ้นชื่อของเมืองเกียวโต ขอแนะนำร้านโนะมุระฟู้ด สาขาคาราซุมะ (Nomura Food)เป็นร้านขายกับข้าวที่ทำจากผักเป็นหลัก โดยวัตถุดิบหลักจะเป็นผักที่ปลูกในเมืองเกียวโต เซ็ทอาหารเช้าที่แนะนำคือ โอบังไซเซ็ท ราคา 850 เยน สามารถเลือกกับข้าวถ้วยเล็กได้ทั้งหมด 6 ถ้วย มีข้าวสวยพร้อมซุปมิโสะให้ เดินจากสถานีคาราสุมะ(Karasuma)ของรถไฟสายฮันคิว ประมาณ 4 นาที
ภาพประกอบ https://www.nomurafoods.jp/shops/karasuma/
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nomurafoods.jp/shops/karasuma/
2. สัมผัสสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ปราสาทนิโจโจ (Nijo-jo Castle) 09:30-11:00
ภาพประกอบ https://nijo-jocastle.city.kyoto.lg.jp
เดินจากร้านโนะมุระ มุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟใต้ดินคาราสุมะโอะอิเคะ(Karasumaoike) ขึ้นสายโทไซไปลงยังสถานีนิโนโจมาเอะ (Nijojomae) จากนั้นเดินต่ออีก 5 นาที ก็จะถึงปราสาทนิโจโจซึ่งเป็นปราสาทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโกล สร้างเมื่อปี 1603 โดยโทคุกาวะ อิเอยาสุ โชกุนผู้รวบรวมประเทศญี่ปุ่นให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยจะเป็นปราสาทที่พำนักของโชกุนเมื่อมาเมืองเกียวโต ค่าเข้าชม มีค่าเข้าชมบริเวณปราสาทและบริเวณปราสาทนิโนะมารุโกะเต็น ราคาสำหรับผู้ใหญ่ 1,300 เยน
ภาพประกอบ https://nijo-jocastle.city.kyoto.lg.jp
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://nijo-jocastle.city.kyoto.lg.jp
3. กลับมารับประทานมื้อเที่ยงที่ ร้านโซบะโอะวาริยะ 11:30-13:00
เซ็ทที่ใหญ่ที่สุดของทางร้านจะอยู่ที่ราคา 2,970 เยน https://honke-owariya.co.jp/shop/ โดยเราจะเดินทางกลับมายังสถานีรถไฟใต้ดินคาราสุมะโอะอิเคะ(Karasumaoike) และเดินต่ออีก 5 นาทีก็จะถึงร้านโอะวาริยะโซบะ เป็นร้านโซบะที่แต่เดิมเป็นร้านขนมแต่ว่าต่อมาได้เปิดเป็นร้านโซบะในสมัยเอโดะ ร้านนี้มักจะมีพระในนิกายเซ็นจะแวะมารับประทานก่อนเดินทางไปปฎิบัติธรรมตั้งแต่สมัยโบราณ เรียกได้ว่าร้านแห่งนี้มีความสัมพันธ์อันยาวนานกับวัดนิกายเซ็นของเมืองเกียวโตมาตลอด
ข้อมูลเพิ่มเติม https://honke-owariya.co.jp/shop/
4. มุ่งหน้าไปยังบริเวณฮิกาชิยามะ 14:00-17:00
เราจะวนกลับมาทางบริเวณฮิกาชิยามะเพื่อมุ่งหน้าไปทางวัดคิโยมิสุเดระ (สามารถสลับลำดับเริ่มจากวัดคิโยมิสุเดระก่อนได้) เริ่มแรกจะไปที่ศาลเจ้ายาซากะก่อน โดยจะเลือกนั่งรถบัสหรือนั่งรถไฟใต้ดินมาลงยังสถานีคาราสุมะจากนั้นเปลี่ยนมาขึ้นรถไฟสายฮันคิวก็ได้ จากนั้นค่อยเดินไปยังศาลเจ้ายาซุยคงพิระกู ใช้เวลาราว 7นาที
4.1 ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shirne)
ภาพประกอบ https://www.yasaka-jinja.or.jp/en/
เรียกได้ว่าใครมาเกียวโตแล้ว ต้องไม่พลาดที่จะมาเยือนสถานที่แห่งนี้ ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าที่สร้างตั้งแต่สมัยตั้งเมืองเกียวโตเป็นเมืองหลวง และยังเป็นศาลเจ้าอันเป็นสถิตย์ของเทพซุซาโนะโอะโนะมิโคะโตะ ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยปัดเป่าภัยพิบัติให้ได้ เปิดให้เข้าชมตลอด 24 ชั่วโมง จากนั้นเดินจาก ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.yasaka-jinja.or.jp/en/
4.2ศาลเจ้ายาซุยคงพิระกู (Yasui Konpiragu)
ภาพประกอบ http://www.yasui-konpiragu.or.jp/en/stone/
หลังจากที่เราสักการะศาลเจ้ายาซากะเรียบร้อย เดินข้ามฟากเพื่อจะไป ศาลเจ้ายาซุยคงพิระกู ใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาที ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าสำหรับคนที่อยากจะตัดโชคร้ายออกจากตัว จะมีหินตัดโชคร้ายผูกดวงกับโชคดี เป็นหินที่มีความสูง 1.5 เมตร กว้าง 3 เมตร ตรงกลางมีรูปวงกลม วิธีการอธิษฐานต่อหินนี้คือให้ไปสักการะที่ฮงเด็น (อุโบสถกลาง) จากนั้นเขียนสิ่งที่เราอยากตัดขาด กับสิ่งที่เราอยากผูกดวงด้วย ลงบนกระดาษที่มีชื่อว่า คาตะชิโระ (katashiro) จากนั้นถือกระดาษคาตะชิโระไว้ในมือ และให้ลอดเข้าวงกลมจากด้านหน้าก่อน เพื่อเป็นการตัดโชคร้าย จากนั้นจึงจะเดินเข้าจากทางข้างหลังกลับมาทางข้างหน้า เพื่อเป็นการผูกโชคดี สุดท้ายให้นำเอากระดาษอธิษฐานแปะลงบนหิน
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.yasui-konpiragu.or.jp/en/stone/
4.3 ศาลเจ้ายาซากะโคชินโด (Yasakakoushindou)
ต่อมาเดินทางมุ่งหน้าไปยังศาลเจ้าที่เป็นที่นิยมในการถ่ายรูปเป็นอย่างมาก ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อว่ายาซากะโคชินโด เป็นศาลเจ้าเล็กๆ ที่จะมีคุคุริซารุ ของประดับที่ทำจากผ้า มัดท่าทางเป็นเหมือนลิงถูกมัดแขนขา มีความหมายถึงลิงที่มีท่าทางสงบนิ่งเปรียบเหมือนความอดทน ใช้สำหรับการอธิษฐานสิ่งใดสิ่งหนึ่งและอดทนเพื่อให้สิ่งที่อธิษฐานนั้นประสบความสำเร็จ สีสันของคุคุริยามะนั้นสดสวยงามจนกลายเป็นจุดถ่ายรูปของแถบวัดคิโยมิซุไปโดยปริยาย
ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.yasakakousinndou.sakura.ne.jp
4.4วัดคิโยะมิซุเดระ (Kiyomizu-dera Temple)
ภาพประกอบ https://www.kiyomizudera.or.jp/en/visit/
ต่อมาเดินอีก 12นาทีมุ่งหน้าไปยังวัดคิโยมิสุเดระ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวยอดนิยม แต่การจะเข้าวัดคิโยมิสุเดะระนั้นอาจจะต้องเช็คเวลาเปิดทำการให้ดี ถ้าเดินทางไปช่วงที่วัดปิดให้บริการเร็วก็สามารถเปลี่ยนลำดับโดยเริ่มเดินมายังวัดคิโยะมิซุก่อนจากนั้นก็ทยอยเดินไปที่ ศาลเจ้ายาซากะโคชินโด ศาลเจ้ายาซุยคงพิระกูและ ศาลเจ้ายาซากะตามลำดับ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเวลาเปิดให้บริการ
สามารถเช็คได้ที่ https://www.kiyomizudera.or.jp/en/location/
5. กลับไปรับประทานอาหารค่ำที่ร้านไมโกะฮัน สาขากิอง 17:30-18:30
เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11:00-21:00 เป็นร้านเท็มปุระ เดินจากศาลเจ้ายาซากะเพียง 1นาที รับประกันเรื่องรสชาติ และสามารเลือกเทมปุระได้ตามใจชอบทั้งหมด
ข้อมูลเพิ่มเติม https://maikohan-kyoto.com/gion/
6. หาซื้อของฝากแถวย่านกิอง
เมื่อรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วสามารถหาซื้อของฝากได้บริเวณย่านกิอง หรือใกล้ๆ สถานีรถไฟฮันคิว เนื่องจากร้านในเกียวโตปิดให้บริการค่อนข้างเร็ว โดยส่วนใหญ่จะปิดเวลา 20:00 ดังนั้นดูเวลากันให้ดี ๆ นะคะ