ฤดูหนาวแบบนี้เหมาะกับการไปเที่ยวแช่น้ำพุร้อน เพื่อเป็นการผ่อนคลายและรักษาอาการเหนื่อยล้าด้วยน้ำร้อนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุของน้ำพุร้อน เราจะแนะนำออนเซ็นที่น่าไปของภูมิภาคคันไซกันค่ะ
1.อาริมะออนเซ็น (Arima Onsen)

ภาพประกอบจาก https://www.arima-onsen.com/
อาริมะออนเซ็นนี้ได้รับฉายาว่า เป็น โอขุซะชิกิของภูมิภาคคันไซ แต่เดิมคำว่า โอขุซะชิกิมี ความหมายว่าเป็นห้องที่อยู่ด้านในสุดของบ้าน ปัจจุบันคำคำนี้จะหมายถึงเมืองออนเซ็นที่อยู่บริเวณชานเมือง ออนเซ็นแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน และเป็นหนึ่งในสามออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น มีการกล่าวถึงอาริมะออนเซ็นไว้ในบันทึกประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า นิฮงโชกิ น้ำแร่ของออนเซ็นแห่งนี้มีแร่ธาตุทั้งหมด 7 ชนิด ซึ่งเหมาะกับการรักษาโรค อาทิ โรคภูมิแพ้ โรคมือเท้าเย็น กระตุ้นเลือดให้ไหลเวียน ทำให้อาริมะออนเซ็นแห่งนี้เป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวหลายคนมาเยือน รวมถึงบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นก็ได้มาเยือนออนเซ็นแห่งนี้เช่นกัน อาทิเช่น โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ หนึ่งในสามโชกุนที่ยิ่งใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นมักจะมาเยือนออนเซ็นแห่งนี้ และได้บูรณะอาคารและออนเซ็นที่รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติอีกด้วย ดังนั้นเมื่อไปเยือนอาริมะออนเซ็น จะพบเห็นรูปปั้นหรือป้ายที่เกี่ยวข้องโทโยโทมิ ฮิเดโยชิมากมาย

บรรยากาศของเมืองอาริมะออนเซ็น ภาพประกอบจาก https://www.arima-onsen.com/
อาริมะออนเซ็นนั้นตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเฮียวโงะ ซึ่งสามารถเดินทางจากตัวเมืองโกเบได้ง่ายมากโดยใช้บริการขนส่งสาธารณะอาทิเช่น รถไฟ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งเส้นทางรถไฟที่เดินทางสะดวกมากที่สุดจากตัวเมืองโกเบ คือ เริ่มต้นจากขึ้นรถไฟสายฮันคิว (Hankyu) มาลงที่สถานีซันโนะมิยะ(Sannomiya) จากนั้นเปลี่ยนมาขึ้นรถไฟใต้ดินสายโกเบชิเอชิคาเทะสึ (Kobe shie Chikatetsu) มาลงยังสถานที ทานิกามิ (Tanigami)จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสายโกเบเดนเทะสึ(kobe Dentetsu) มาลงยังสถานี อาริมะกุจิ (Arimaguchi ) จากนั้นนั่งรถไฟที่ลงปลายทางไปยังอาริมะออนเซ็น ไปลงยังสถานีอาริมะออนเซ็น (Arima Onsen)

รูปปั้นเกี่ยวกับโชกุนฮิเดโยชิ ภาพประกอบจาก https://www.arima-onsen.com/

ภาพประกอบจาก https://www.arima-onsen.com/
สำหรับคนที่ต้องการเดินทางแบบไปกลับ สามารถเลือกไปใช้บริการออนเซ็นสาธารณะที่มีชื่อว่า คินโนะยุ ( Kin no Yu) และกิงโนะยุ(Gin no Yu) ได้ นอกจากนี้ยังมีออนเซ็นสำหรับแช่เท้าได้โดยไม่เสียค่าบริการ ซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างของคินโนะยุ
(ข้อมูลอ้างอิงจาก https://www.arima-onsen.com/ )
สถานที่และกิจกรรมที่น่าสนใจของอาริมะออนเซ็นมีหลายอย่าง อาทิเช่น พิพิธภันฑ์ตราไปรษณียากร โดยได้มีการรวบรวมตราไปรษณียากรหรือสแตมป์ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1871 ถึงปัจจุบันมาไว้ที่แห่งนี้ ซึ่งมีสแตมป์หลากหลายรูปแบบให้ได้รับชม โดยจะมีค่าเข้าชมอยู่ที่ 800 เยน ถ้าหากเป็นนักเรียนมัธยมปลายหรือนักศึกษา ค่าเข้าชมจะอยู่ 500 เยน และถ้าหากเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นลงไปจะไม่เสียค่าเข้าชม ส่วนผู้พิการหรือทุพลภาพ ค่าเข้าชมจะอยู่ที่ 200 เยน https://www.kitte-museum-arima.jp/guide/index.html
เปิดให้บริการตั้งแต่ 10:00 – 16:00 น. และหยุดทำการทุกวันอังคารและพุธ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาริมะออนเซ็นสามารถดูได้ที่เว็บไซต์หลักอย่างเป็นทางการของอาริมะออนเซ็น https://www.arima-onsen.com/
2. คิโนะซากิออนเซ็น (Ki no sagi Onsen)
ออนเซ็นแห่งนี้มีอายุเก่าแก่มากกว่า 1300 ปี เป็นสถานที่ที่มีผู้คนมาเยือนตั้งแต่สมัยนารา บรรยากาศของเมืองคิโนะซากิ ออนเซ็นแห่งนี้ ราวกับได้ย้อนยุคกลับไปในประเทศญี่ปุ่นสมัยโบราณ จึงกลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจให้คนมาเยือนเมืองออนเซ็นแห่งนี้ มีคำกล่าวเมืองแห่งนี้ราวกับเป็นบ้านพักหลังใหญ่ โดยสถานีรถไฟคือประตูทางเข้า ถนนคือทางเดินในบ้าน และโรงแรมต่าง ๆ คือห้องพัก บริเวณออนเซ็นที่ตั้งอยู่ด้านนอกคือ ห้องอาบน้ำ เมื่อเดินจากสถานีออกมาเพียงห้านาที เราก็จะพบกับ แม่น้ำโอทานิกะวะ และสะพานหิน พร้อมต้นหลิวที่เรียงรายสองข้างทาง ซึ่งบรรยากาศเหล่านี้ได้ถูกเขียนลงไปในนิยายของนักเขียนที่ชื่อว่า ชิกะนาโอยะ ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการเขียนนิยายของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตัวชิกะนาโอยะนั้นได้มาเยือนคิโนะซากิออนเซ็นหลายครั้ง

ภาพประกอบจาก https://kinosaki-spa.gr.jp/
นอกจากต้นหลิวแล้วยังต้นซากุระให้ได้ชมเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ และเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวก็สามารถเก็บภาพบรรยากาศของเมืองคิโนะซากิกับหิมะที่โปรยปรายลงมาได้อีกด้วย
บรรยากาศของเมืองออนเซ็นแห่งนี้มีช่วยผ่อนคลายจิตใจของผู้คน เนื่องจากคนในเมืองคิโนะซากิยังได้รับการกล่าวว่าเป็นผู้คนที่อุปนิสัยดี มักจะมีน้ำใจให้ความช่วยเหลือผู้อื่น และพร้อมจะต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งจากในประเทศและต่างประเทศโดยไม่ได้มีความกลัวเรื่องกำแพงทางภาษาแต่อย่างไร นอกจากนี้บรรยกาศยังเหมาะแก่การใส่ชุดยูกาตะมาเดินถ่ายรูปด้วย สำหรับคนที่พักที่โรงแรมสามารถใช้ยูกาตะที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ใส่ออกมาเดินถ่ายรูปได้

ภาพประกอบจาก https://kinosaki-spa.gr.jp/
จุดเด่นอีกประการของคิโนะซากิออนเซ็นคือ มีออนเซ็นสาธารณะให้เข้าไปใช้บริการได้ทั้งหมด 7 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งจะมีลักษณะเด่นแตกต่างกันออกไป สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://kinosaki-spa.gr.jp/about/spa/7onsen/

ภาพประกอบจาก https://kinosaki-spa.gr.jp/
และสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงคิโนะซากิออนเซ็นคือการกินอาหารทะเล เนื่องจากคิโนะซากิได้รับฉายาว่าเป็น ขุมทรัพย์แห่งท้องทะเล มีทั้งปู และปลาหลากหลายชนิดให้ได้เลือกรับประทานกัน

ภาพประกอบจาก https://kinosaki-spa.gr.jp/
การเดินทางไปยังเมืองคิโนะซากิออนเซ็นนั้น ถ้าหากเดินทางจากตัวเมืองโอซาก้าสามารถเลือกนั่งรถไฟด่วนพิเศษสาย โคโนะโทริ จากสถานี JR โอซาก้า มาลงที่สถานี JR คิโนะซากิออนเซ็น โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที
หรือสามารถนั่งรถบัสจากท่ารถบัสสถานีโอซาก้าไปลงยังคิโนะซากิออนเซ็นได้ โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 10 นาที สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://kinosaki-spa.gr.jp/access/
ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ https://kinosaki-spa.gr.jp/
