blog ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

เดินเล่นถ่ายรูปที่โตเกียวในวันหยุดสุดสัปดาห์

20190517_204923

ผู้ร่วมเดินทาง

| คนเดียว |

ค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่อหนึ่งคน

| 10000 - 19999thb |

ระยะเวลาการเดินทาง

| 2 วัน |

ยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง

|

รถไฟ | 

เที่ยวแบบไหน

| ไปด้วยตนเอง |

ชื่อสถานที่หรือภูมิภาคที่ไป

  • โตเกียว
  • ฮาราจูกุ
  • ชินจูกุ
  • อุเอโนะ
  • อาซาคุสะ เซ็นโซจิ
  • นาคะมิเสะโดริ
  • ศาลเจ้าเมจิ
  • โคเคียวไกเอน
  • พระราชวัง อิมพีเรียล
  • อาคารศาลาว่าการ มหานครโตเกียว
  • โตเกียวทาวเวอร์
  • สวนคิวฟุรุคาวะ
  • ย่านการค้า อาเมโยโกะ

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ทุกคน วันนี้กลับมาพบกันอีกครั้งแล้วนะครับ ในครั้งนี้ผมจะพาไปเพลิดเพลินกับการใช้เวลาสั้น ๆ ในวันหยุดเพื่อออกเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจในกรุงโตเกียว โดยในครั้งนี้เราจะใช้เวลาในการบินลัดฟ้า จากสนามบินดอนเมืองประเทศไทย ไปยังสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น โดยประมาณ 6 ชั่วโมงเท่านั้น หากพร้อมแล้วก็จัดของลงกระเป๋าเตรียมตัวออกเดินทางกันได้เลย !!


Day 1


เมื่อมาถึงสนามบินนาริตะกันแล้วอย่างแรกที่สุดคือ หาวิธีที่จะไปยังที่พักที่ได้ทำการจองไว้ โดยครั้งนี้ผมได้จองที่พักเป็นแบบ Hostel ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานี อุเอโนะ (Ueno Station) มากนัก ดังนั้นเราจะตรงไปซื้อตั๋วรถไฟด่วน Keisei Skyliner เพื่อย่นระยะเวลาที่ใช้เข้าไปในตัวเมืองกันก่อนได้เลย เนื่องจากสามารถนั่งกันได้ยาว ๆ ไปจนถึงอุเอโนะด้วยเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น แต่หากท่านใดต้องการที่จะนั่งรถไฟชิว ๆ ชมบรรยากาศ หรือแวะเที่ยวระหว่างทางก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน โดยในครั้งนี้เราได้ซื้อในแบบที่พ่วงตั๋ว 2 days pass สำหรับใช้งาน Tokyo Subway เข้าไปด้วย

ราคาตั๋วโดยสาร อ้างอิงราคาล่าสุดจากหน้าเว็ปไซด์ ของ Skyliner

https://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/e-ticket/en/subway/index.html

และในที่สุดเราก็ได้มาถึงสถานีอุเอโนะ (Ueno Station) ซึ่งที่พักในครั้งนี้ใช้เวลาเดินจากสถานีอุเอโนะ ประมาณ 5 – 10 นาที เท่านั้นเอง ก่อนที่เราจะเดินทางเอาของไปเก็บในที่พักนั้นก็ได้ทำการจัดแจงซื้อตั๋วโดยสารเพิ่มเติมสำหรับใช้งานสายรถไฟ JR ให้เรียบร้อย เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถใช้งานรถไฟสำหรับเดินทางเที่ยวในมหานครโตเกียวได้อย่างครอบคลุมแล้วล่ะครับ และก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะเดินทางไปยังที่พักเสียที

ราคาตั๋วโดยสารรถไฟสาย JR     

Tokyo 1-Day Ticket    ผู้ใหญ่      1,600 เยน

เด็ก         800 เยน

ระหว่างทางไปที่พักในครั้งนี้นั้น ค่อนข้างจะไม่ต้องกลัวหิวกันเลยทีเดียวล่ะ เพราะสองข้างทางมีทั้งร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อมากมาย อีกทั้งรอบ ๆ สถานีอุเอโนะเองนั้นก็เต็มไปด้วยแหล่งชอปปิ้งมากมายเลยล่ะ ที่สำคัญไปกว่านั้นชั้นล่างของที่พักของเราในครั้งนี้เป็นร้านอาหารแหละ !! และแล้วเราก็ได้มาถึงที่พักอันแสนอบอุ่นของเรา


HOSTEL WAQWAQ UENO ASAKUSA


เว็บไซต์           https://waqwaqtokyouenoasakusa.jphotel.site/th/

เวลาทำการ        10:00 น. – 17:00 น.

ตำแหน่งที่ตั้ง   https://goo.gl/maps/sw5kD3rzZNAsmyT97


ซึ่งห้องพักในครั้งนี้จะเป็นการพักร่วมกับเพื่อน ๆ จากหลาย ๆ ชาติ หลาย ๆ ภาษา ซึ่งต้องขอบอกไว้ตรงนี้เลยครับว่าเป็นประสบการณ์ที่สนุกมาก และยังได้เพื่อนใหม่เยอะมาก ๆ ด้วยล่ะ

ถึงแม้ห้องพักจะไม่ใหญ่มาก ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนการพักโรงแรมหรู ๆ แต่ที่นี่ค่อนข้างเป็นโฮสเทลที่อบอุ่นมาก ๆ  และที่สำคัญห้องน้ำสะอาดมาก ๆ เลยด้วย !!

ในส่วนของที่นอนนั้นจะให้ความรู้สึกคล้าย ๆ กับโรงแรมแคปซูล ซึ่งจะแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวจองใครของคนนั้น เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะถูกรบกวนเลย

ถึงแม้ว่าในตอนนี่เข้าพักนั้นบนชั้น 2 ของที่นี่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการปรับปรุงอยู่ก็ตาม แต่พื้นที่ และสิ่งอำนวยความสะดวกยังคงใช้งานได้อย่างปกติ โดยรวมถือว่าเป็นที่พักที่คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายเลยทีเดียว

เมื่อจัดแจงเก็บของเข้าที่เรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาที่เราจะออกไปเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจและสูดกลิ่นอายของมหานครโตเกียวให้เต็มปอดกันสักที โดยที่แรกที่เราจะไปกันนั้นคือ วัดอาซาคุสะ กับโคมสีแดงขนากยักษ์ ที่ทุกคนน่าจะคุ้นตาเป็นอย่างดี


อาซาคุสะ เซ็นโซจิ  (วัดอาซาคุสะ)

ASAKUSA SENSOJI


เว็บไซต์          http://www.senso-ji.jp/guide/guide20.html

เวลาทำการ        6:30 น. – 17:00 น.

ตำแหน่งที่ตั้ง  https://goo.gl/maps/mdtAwsWT919KkWSHA


อาซาคุสะ เซ็นโซจิ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ วัดเซ็นโซ หรือวัดอาซาคุสะนั้นเราจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม และเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่แทบทุกคนเมื่อมาถึงมหานครโตเกียวแล้วจะต้องแวะมาเที่ยวชมและถ่ายรูปกับโคมแดงขนาดยักษ์ที่อยู่ตรงประตูสายฟ้าหรือคามินาริมง (Kaminarimon 雷門)

และเมื่อผ่านเข้ามาแล้วก็จะได้พบกับ ร้านค้าของที่ระลึกที่เรียงรายตลอดสองข้างทางของถนนนาคะมิเสะ (Nakamise-Dori仲見世道) ที่เราจะต้องเดินผ่านก่อนจะได้เข้ามาจนถึงประตูโฮโซมง (宝蔵門) ซึ่งเป็นประตูชั้นในเพื่อที่เราจะได้เข้าไปนมัสการและขอพรจากองค์เจ้าแม่กวนอิมกัน


ถนนนาคะมิเสะ

Nakamise-Dori  仲見世道


เว็บไซต์           http://www.asakusa-nakamise.jp/

เวลาทำการ        10:00 น. – 17:00 น.

ตำแหน่งที่ตั้ง  https://goo.gl/maps/cTbXCRYyA3w1MJfR7


ต้องขอบอกไว้ตรงนี้เลยล่ะครับว่า หากใจไม่แข็งพอเราอาจจะได้หิ้วของที่ละลึกต่าง ๆ เต็มไม้เต็มมือกลับไปด้วยอย่างแน่นอน  และเมื่อได้เดินเที่ยวชมถ่ายรูปเล่นในย่านอาซาคุสะ อยู่ครู่ใหญ่ ก็ถึงเวลาที่เราจะไปนั่งรถไฟเที่ยวในมหานครโตเกียวกันต่อ


สถานีโตเกียว

Tokyo Station


เว็บไซต์          https://www.tokyoinfo.com/

ตำแหน่งที่ตั้ง  https://goo.gl/maps/BCceda7to9yVuCUd8


หลังจากนั่งรถไฟเที่ยวอยู่ครู่หนึ่ง เราก็มาจนถึงสถานีรถไฟโตเกียว ซึ่งเหมาะแก่การมาเก็บภาพเป็นอย่างมากด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามและสุดคลาสสิค

เมื่อเก็บภาพและเดินสำรวจรอบ ๆ ย่านมารุโนะอุจิแล้ว ผมจึงตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าต่อไปยังพระราชวัง อิมพีเรียล หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า โคเคียว (Kokyo 皇居) ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก โดยใช้เวลาเดินจากสถานีโตเกียวไปประมาณ 10 นาทีเพียงเท่านั้น


พระราชวัง อิมพีเรียล

Imperial Palace  皇居


เว็บไซต์           http://sankan.kunaicho.go.jp/

เวลาทำการ      อ - ส  09:00 น. – 11:15 น.  13:30 น. – 14:45 น.

ตำแหน่งที่ตั้ง  https://goo.gl/maps/cTbXCRYyA3w1MJfR7


ระหว่างทางที่เราจะมายังพระราชวัง อิมพีเรียลแห่งนี้จะต้องผ่าน สวนแห่งชาติ โคเคียวไกเอน (Kokyogaien National Garden 皇居外苑) ก่อนที่จะข้ามมาจนถึงหน้าทางเข้าเพื่อเข้าไปชมพระราชวัง แต่น่าเสียดายที่ในวันที่เราไปถึงนั้นหมดเวลาให้เข้าชมแล้ว ผมจึงตัดสินใจเดินเที่ยวชมภายในสวนแห่งชาติสักครู่หนึ่งแทน


สวนแห่งชาติ โคเคียวไกเอน

Kokyogaien National Garden 皇居外苑


เว็บไซต์          http://fng.or.jp/koukyo/

เวลาทำการ        เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

ตำแหน่งที่ตั้ง  https://goo.gl/maps/PFwJhpMKSApU42aw5


ภาพบรรยากาศโดยรวมของ สวนแห่งชาติ โคเคียวไกเอน


สถานีชินจูกุ

Shinjuku Station 新宿駅


เว็บไซต์           http://www.jreast.co.jp/estation/station/info.aspx?StationCd=866

ตำแหน่งที่ตั้ง  https://goo.gl/maps/GBXa6EcjqE8H1PVk6


และในที่สุดเราก็มาถึงยังสถานีชินจูกุ สถานที่ ๆ เราจะสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่าง ๆ ในยามเย็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินถ่ายรูปแสงสียามค่ำคืนของ Shinjuku City เล่นเกมส์หมุนกาชา ชอปปิ้ง ลิ้มรสอาหารในย่านแห่งนี้ แต่อีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้ผมหลงไหลที่แห่งนี้และนำมาแนะนำนั้นก็เพราะ เหล่านักแสดงมากความสามารถที่มาทำการแสดงเปิดหมวกโชว์ความเป็นตัวเอง ออกมาผ่านเสียงดนตรี การขับร้องบทเพลงต่าง บนท้องถนนแห่งนี้ที่จะคอยดึงดูดให้คุณไม่สามารถละสายตาจากพวกเขาไปได้ นั่นเองล่ะครับ

หลังจากที่เดินเก็บภาพแสงสี และชมการแสดงจนอิ่มแล้วนั้น ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องไปชมวิวของมหานครโตเกียวกันสักที


อาคารศาลาว่าการ มหานครโตเกียว (จุดชมวิว)

東京都庁


เว็บไซต์         https://www.yokoso.metro.tokyo.lg.jp/tenbou/

เวลาทำการ   10:00 น. – 20:00 น. ปิดวันจันทร์ที่ 2 และ 4 ของเดือน

*ปัจจุบันให้ติดตามเวลาให้บริการที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากสถานการโคโลนา

ตำแหน่งที่ตั้ง  https://goo.gl/maps/5dTuwqhtRcbDS5np9


ที่นี่เราจะสามารถชมวิวทิวทัศของมหานครโตเกียวจากมุมสูงได้อย่างทั่วถึงไปเลยละครับ

เมื่อชมวิวอยู่ครู่หนึ่งผมจึงได้ตัดสินใจสถานที่สุดท้ายที่ผมจะแวะไปในค่ำคืนนี้ นั่นก็คือการไปชมแสงสีและความยิ่งใหญ่ ของหอคอยสีแดงที่ตั้งตระหง่านใจกลางกรุงโตเกียว อย่างใกล้ชิด


โตเกียวทาวเวอร์

Tokyo Tower     東京タワー


เว็บไซต์         https://www.tokyotower.co.jp/

เวลาทำการ   เปิดทุกวัน 10:30 น. – 20:00 น.

*ปัจจุบันให้ติดตามเวลาให้บริการที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากสถานการโคโลนา

ตำแหน่งที่ตั้ง  https://goo.gl/maps/XM3RBJ3ZsjrzZzdW6


โดยวิธีในการเดินทางมานั้นสามารถที่จะนั่งรถไฟสายฮิบิยะ Hibiya มาลงที่สถานี  คามิยะโจ Kamiyacho Station神谷町駅 ใช้ทางออก 1 แล้วเดินต่อมาอีกประมาณ 15 นาทีเท่านั้นคุณก็ได้ได้พบกับหอคอยโตเกียวแห่งนี้แล้วล่ะครับ


Day 2


หลังจากพักผ่อนกันเต็มอิ่ม เติมพลังงานลงท้องแล้ว ก็ได้เวลาที่เราจะออกเดินทางไปชมดอกกุหลาบนานาพันธ์กันเสียที


สวนคิวฟุรุคาวะ 

Kyu-Furukawa Gardens  旧古河庭園


เว็บไซต์       https://www.tokyo-park.or.jp/park/format/index034.html

ค่าผ่านประตู แบบทั่วไป

บุคคลทั่วไป               150 เยน

ผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป      70 เยน

(สำหรับนักเรียนชั้นประถมหรือต่ำตว่า และนักเรียนมัธยมต้นที่อาศัยและเรียนในโตเกียว ไม่เสียค่าใช้จ่าย)

* จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าชมแยกต่างหากสำหรับอาคารสไตล์ตะวันตก (พิพิธภัณฑ์ โอทานิ)

เวลาทำการ   *ปัจจุบันให้ติดตามเวลาให้บริการที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากสถานการโคโลนา

ตำแหน่งที่ตั้ง  https://goo.gl/maps/oVVdWzG4NNMwUxVe8


การเดินทางมาที่นี้นั้นสามารทำได้โดย ขึ้นรถไฟใต้ดินหรือ Metro มาลงยังสถานี นิชิงาฮาระ Nishigahara Station西ヶ原駅 โดยจะใช้เวลาเดินจากสถานีมาจนถึงสวนแห่งนี้ ประมาณ 6 นาที เท่านั้นเอง

สวนกุหลาบนานาพันธ์แห่งนี้จะอยู่ภายในสวนคิวฟุรุคาวะอีกที โดยที่ภายในสวนแห่งนี้จะมีอีกหลาย ๆ จุดให้คุณได้แวะไปเยี่ยมยมอีกด้วยละครับ ไม่ว่าจะเป็น พิพิธภัณฑ์ โอทานิ Otani Museum 旧古河邸 大谷美術館 หรือส่วนอื่น ๆ ของสวนคิวฟุรุคาวะแห่งนี้

บรรยากาศของที่นี่เหมาะแก่การผักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างมากเลยล่ะครับ ยิ่งใครที่มากับคนรู้ใจด้วยแล้ว ผมยิ่งอยากแนะนำให้ลองมาใช้เวลาเพลิดเพลินไปด้วยกันที่นี่ดู

หลังจากได้เที่ยวชมภายในสวนและสนุกผ่อนคลายกับการเดินถ่ายรูปเล่นอยู่พักใหญ่ ก็ได้เวลาที่เราจะต้องไปยังสถานที่ถัดไปกันเสียที


สถานีฮาราจูกุ

Harajuku Station   原宿駅


เว็บไซต์          https://www.jreast.co.jp/estation/station/info.aspx?StationCd=1256

ตำแหน่งที่ตั้ง  https://goo.gl/maps/GYPqeSNXM5GJk9wc6


เมื่อมาถึงสถานีฮาราจูกุ จะพบได้ว่าตัวสถานีแห่งนี้นั้นมีเสน่ห์มาก ๆ เลยละครับ เหมาะกับการเก็บภาพสวย ๆ สักหน่อย โดยจุดหมายถัดไปของเราเองนั้นก็อยู่ไม่ใกลจากสถานีฮาราจุกุแห่งนี้


ศาลเจ้าเมจิ

Meiji Jingu 明治神宮


เว็บไซต์          http://www.meijijingu.or.jp/

เวลาทำการ   เปิดทุกวัน 05:00 น. – 18:00 น.

ตำแหน่งที่ตั้ง  https://goo.gl/maps/3YZtBqWNUhW7LQz56


หลังจากที่เดินถ่ายรูปเล่นรอบ ๆ สถานีอยู่ครู่หนึ่งก็ถึงเวลาที่เราจะเดินทางไปยังศาลเจ้าเมจิ กันแล้วละครับ

โดยหน้าทางเข้านั้นจะมีเสาประตูโทริอิอยู่ด้วย และเมื่อเดินเข้ามาเรื่อย ๆ แล้วเราจะพบได้เลยว่า บรรยากาศตลอดทางจะร่มรื่นและเย็นสบาย ให้ความรู้สึกของธรรมชาติสุด ๆ ไปเลยล่ะ

ระหว่างทางเดินเข้ามานั้นเราก็จะได้พบกับกำแพงขนาดใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยถังสาเกที่เรียงรายอย่างสวยงามด้วยล่ะ

ผมได้ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ที่ศาลเจ้าเมจิแห่งนี้ ทั้งขอพร เขียนคำอธิฐาน อีกทั้งเดินชมและถ่ายรูปด้วยกล้องฟิล์มตัวโปรด รอบบริเวณศาลเจ้าเมจิที่สวยงามแห่งนี้จนหนำใจแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะค่อยเดินกลับออกไป เพื่อที่จะไปทำภารกิจสุดท้ายของวันนี้


สถานี อุเอโนะ

Ueno Station 上野駅


เว็บไซต์          https://www.jreast.co.jp/estation/station/info.aspx?StationCd=204

ตำแหน่งที่ตั้ง  https://goo.gl/maps/EJhgTNqxLANct6sM8


ในที่สุดเราก็กลับมาถึงสถานีอุเอโนะอีกครั้ง หลังจากใช้เวลาในการตะลุยเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ มากมาย จนรู้ตัวอีกทีก็ตกเย็นเสียแล้ว และอย่างที่ผมได้เล่าไปว่าที่สถานีอุเอโนะแห่งนี้รายล้อมไปด้วย แหล่งชอปปิ้ง และห้างร้านต่าง ๆ มากมายก็ได้เวลาของภารกิจสุดท้ายวันนี้แล้วล่ะครับ


ย่านการค้า อาเมโยโกะ

アメ横商店街連合会    AMEYOKO SHOPPING STREET


เว็บไซต์          http://www.ameyoko.net/

ตำแหน่งที่ตั้ง  https://goo.gl/maps/g9JbN96gjwbQFmJb8


ในช่วงเย็นย่ำค่ำอย่างนี้เราคงหนีไม่พ้นกับการเดินเที่ยวเล่น จับจ่ายใช้สอยอย่างแน่นอน และยิ่งที่สถานีอุเอโนแล้วด้วยนั้น จะมีใครบ้างที่จะไม่นึกถึงย่านการค้า อาเมโยโกะ หรือ ตลาดกลางคืนแห่งนี้กันล่ะ เพราะเพียงแค่ข้ามฝั่งมาจากสถานีอุเอโนะ ทุกคนก็จะได้เพลิดเพลินไปกับ บรรยากาศที่แสนคึกคักในยามค่ำคืนเช่นนี้แล้วล่ะครับ

ไหน ๆ แล้วงั้นวันนี้ผมขอตัวไปดื่มด่ำเพลิดเพลินกับบรรยากาศยามค่ำคืนแห่งอาเมโยะ และหาเสบียงเติมพลังก่อนนะครับ หวังว่าทุกคนจะสนุกไปกับการเดินทางในครั้งนี้ แล้วพบกันใหม่โอกาศหน้ากับผม โซระ นะครับ

**ภาพประกอบทั้งหมด เป็นภาพที่ถ่ายโดยโทรศัพท์มือถือ และกล้องฟิล์ม SLR ของผู้เขียน**

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
RELATED POST
kawagoe-top
blog ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

หนึ่งวันในคาวาโกเอะ (Kawagoe) ลิตเติ้ล เอโดะ ย้อนบรรยากาศเมืองเก่าและขอพรศาลเจ้าความรักชื่อดัง ฮิกาวะ

15/04/2020
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!