ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

ประสบการณ์ปีนภูเขาไฟฟูจิ

ภูมิภาค
|
หัวข้อที่เกี่ยว
富士_181031_0014

เมื่อพูดถึงญี่ปุ่น พ้อยก็คือภูเขาไฟฟูจิถูกม่ะ แต่จะเท่ห์แค่ไหนถ้าเราได้ขึ้นไปอยู่ ภูเขาไฟฟูจินั้นมาแล้ว วันนี้เราจะมาแนะนำการปีนเขาเพื่อพิชิตยอดกันดีกว่า ทำไมผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นถึงสนใจเรื่องแบบนี้กันนัก (คิดว่าไม่น่ายากเพราะ ผู้สูงอายุเค้ามาเดินกันทุกปี)

  • ฤดูที่เปิดให้ปีนภูเขาไฟคือกรกฏาคม – กันยายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อน หลังจากนั้นจะปิดเนื่องจากอากาศด้านบนจะหนาวนรกมากๆ

เตรียมตัวการเดินทางอย่างไรบ้าง เริ่มจากเส้นทางก่อนเลย เราใช้เส้นทางที่สามารถแวะหยุดพักได้ คือ เส้นทาง Yoshida Trail จะต้องนั่งบัสมาลงที่สถานีชั้น 5 ของภูเขาไฟฟูจิ แล้วค่อยเริ่มเดินทาจากตรงนั้น

ต่อมาเป็นอุปกรณ์สิ่งที่ต้องเตรียมคือ ของใช้
กระเป๋าเป้ / รองเท้าปีนเขา / ถุงมือหนา / เสื้อกันฝน / ผ้าเช็ดหน้า / น้ำดื่มสะอาด / อาหารว่าง, ขนม / หมวก (เป็นหมวกที่ปลอดภัยและกระชับศีรษะ) / ถุงขยะ / กระดาษชำระ / ที่เขี่ยบุหรี่แบบพกพา (ในกรณีที่จำเป็น) / ไฟฉาย /เครื่องนุ่งห่มที่ให้ความอุ่น (โดยเฉพาะปีนเขาตอนกลางคืน)

เพิ่มเติมในส่วนของที่คุณคิดว่าจำเป็นต้องใช้
ไม้ค้ำสำหรับเดินเขา / ครีมกันแดด / แว่นตากันแดด / พาสเตอร์ยา / สเปรย์ฆ่าเชื้อ /แก๊สกระป๋อง / เสื้อสำรอง / สำเนาบัตรประกันสุขภาพ / ที่หุ้มข้อเท้า (ป้องกันไม่ให้ดินทรายเข้ารองเท้า) / เทปผ้ายาว 1 เมตร (มีประโยชน์หากเสื้อผ้าหรือกระเป๋าเกิดขาดเป็นรู) / ที่อุดหู (เพื่อป้องกันเสียงรบกวนระหว่างพักผ่อน)

ครบหมดแล้วก่อนเดินทาง 1 เดือนก็ต้องฟิตร่างกายให้พร้อม ด้วยการออกกำลังกายไว้บ้างเพราะข้างบนจะไม่มีอากาศเลย อาจจะลำบากสำหรับคนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย

พร้อมแล้วเรามาเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่า มาอยู่ที่ ฟูจิชั้น 5 แล้วก็มาไหว้ พระขอพร ที่ศาลเจ้า

Fuji1

CR.japantourlist.com

หลังจากไหว้เสร็จเราก็แวะซื้อไม้เพื่อเดินขึ้นเขา แต่ไม้พวกนี้เราก็เอาไปประทับตราต่างๆในแต่ละชั้นของภูเขาไฟฟูจิได้ ราคาก็แล้วแต่แบบกันไปเริ่มต้นที่ 1000 เยน

ปั้มเยอะๆ มันก็สวยแล้วก็เก็บไว้ดูได้ด้วยว่าเราเคยมาที่นี่แล้ว เป็นอย่างไรบ้าง (สำหรับเราจำไปนานเลยจ้า)

หลังจากเริ่มเดินตอนแรก แรงยังมีบรรยากาศยังได้ วิ่งกันกับเพื่อนสนุกสนาน ถ่ายรูปอย่างมีความสุข

ทางเดินก็จะเป็นประมาณนี้ เรียบๆไม่ขรุขระแต่จะชั้นเบาๆ และชันขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออยู่ในชั้นที่สูงๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทิศทางเดินเลยนะเพราะว่า จะมีป้ายคอยบอกทางตลอดเวลาว่าต้องไปทางไหนเหลืออีกกี่โลงี้ ส่วนเรื่องห้องน้ำก็ตามสภาพเขาอะ ไม่ได้ดีมากแต่ก็เข้าได้ ไม่แย่ขนาดเละเฟะ

หนทางยังอีกยาวไกล ทุกๆชั้นจะมีที่พัก พร้อมขายของให้เราได้ซื้อเผื่อหิว แต่ราคาขูดเลือดขูดเนื้อมากจริงๆ ราคาคูณ 2 เลยทีเดียว ขนาดมาม่า ทั่วไปนั้นจาก 300 เยน เป็น 600 เยนอะ แต่เราควรพก ชอคโกแลตบาร์ หรือ ของหวาน ขนมเล็กๆน้อยๆ ขึ้นไปก็ดีกันหิว ลืมบอก เราเริ่มเดินกันตอน 15.00 นะแต่ขึ้นมาพักเหนื่อยมากจริงๆ ก็ประมาณ 18.00 ที่เริ่มแรงหมดละก็พักนานขึ้น

ขึ้นมาไกลมาแล้ว เรามีเพื่อนร่วมทางเพียบ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคุณลุง คุณป้า ชาวญี่ปุ่น คือพวกเขาฟิตมากเลยอะ ยอมเลยจริงๆ ขึ้นมาถึงจุดนี้เราเริ่มเห็นเมฆมากขึ้นแล้ว แสดงว่าสูงมากแล้วจริงๆ และเราก็เหนื่อยมากแล้วด้วย

เราเดินขึ้นมาเรื่อยๆ ฟ้าก็เริ่มมืดเริ่มหนาวแล้วช่วงนี้ แต่โชคไม่ดีเบาๆ ช่วงเวลาที่เรามา อากาศไม่ค่อยเป็นใจเลยมีฝนตกด้วย แล้วเราก็มือใหม่ ไม่ได้จองที่พัก เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็ถึงเราขึ้นไปพักข้างบนก็ได้ (แต่อยากแนะนำมากๆ เราต้องจองนะ ต้องพัก ร่างกายเราไม่ไหวหรอก เพราะมันไม่ใช่อากาศที่เราชิน) เราเดินกันมาเห็นความสวยของ เมฆ มากขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงทางแยกที่ชั้น 8 ว่าจะไปต่อหรือจะกลับลงไป เพราะถ้าตัดสินใจเดินทางต่อแล้วนั้นจะไม่มีทางลงอีกเลย เพราะหลังจากชั้น 8 อากาศเบาบางมาก บวกกับ ความง่วง ความเหนื่อย และเราต้องเร่ง เพื่อให้ไปถึงชั้นบนสุด ตอนตี 4 จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น

มาถึงตรงนี้แล้ว แหม่...มาทั้งทีก็ขอไปให้สุด เพราะฉะนั้นเราและเพื่อนๆก็จะไปให้สุด แล้วก็จะช่วยๆกันเดิน ช่วยกันไป เรานี่แหล่ะคิดว่าน่าจะเป็นภาระของทีมละ 555 อากาศไม่มี ออกซิเจน ก็ต้องพ่นไปด้วย แต่ด้วยความสู้เราก็เดินจนมืดอะ

ตรงนี้แล้ว เหลืออีกไม่กี่โลก็ถึง แต่สำหรับเรา แม่งโคดนานอ่ะ... เดินไปจ้า ค่อยๆจงกรมไปให้สุด ภาพข้างหน้าเราต้องสวยมากแน่ๆ สวยสุดๆ คิดแบบนี้ แรงมาจากไหนไม่รู้เดินไปชิวๆ เลยจ้าแล้วเราก็ขึ้นไปถึงตอนตี 3 ซึ่งเร็วกว่าปกติ เราก็นั่งพักแต่อากาศข้างบนหนาวมากอะ ติดลบ 3 ประมาณนี้ได้ เรามานั่งผิงไฟที่เค้าจัดไว้ให้ รอเวลา

ประมาณตี 4 ฟ้าเริ่มเปิด ตอนแรกคิดว่า เห้ยเห็นแค่นี้หลอ วันนี้ฟ้าครึ้มหลอมันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้นะ ดิฉันได้พยายามมาทั้งคืน ม๊ายยยยยยยย แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก

เมฆค่อยๆเคลื่อนตัว เห้ยมันใช่อะ เอาอีก คือสวยมากละบับหายเหนื่อย เลิกง่วง ต้องสวยถ่ายรูปให้ได้

เต็มที่แล้วคือสวยมากอะ โคตรมีความสุขอะ ฟรินเว่อร์จนไม่อยากเดินลงอะ อยากอยู่มองแบบนี้เรื่อยๆ แต่ไม่ได้นะ ยิ่งถ้าเราลงช้าก็ยิ่งร้อน เราต้องรีบลงไปให้ถึงชั้น 5 ก่อนเที่ยง เพราะว่าไม่งั้นเราจะร้อนมาก พวกเราเลยเตรียมพร้อมลงก่อน กลุ่มคนอื่นๆ แต่ไม่หว่ะมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ทางลงแม่ง

CR.Dplus Guide

ชันไม่ต่างจากขึ้น แล้วก็ไม่ได้คิดถ้าเดินทางลงก็จะคว่ำแม่ะ เราเลยต้องถอยหลังลง ซึ่งจุดนี้กลุ่มที่ม่าด้วยกัน เพื่อนๆที่มีกลามขาแข็งแรงก็ลงไปกันไม่รอเลยจ้า คนแรกที่ลงไปถึงจากตี 5 แม่งถึง 9.30 อ่ะ ส่วนคนอื่นๆก็ทยอยลงตามกันไป ส่วนเราผู้ที่คิดว่าต้องลงไปก่อนเที่ยงไม่งั้นต้องร้อนตายแน่ๆ พยายามละ ลงไปถึงบับ 15.00 อยากจะบอกว่านั่งพักทุกโค้งอะ เหนื่อยกว่าเดินขึ้นก็ลงนี่แระ และรู้มาว่า เค้ามีให้ม้าขึ้นมารับแล้วลงไปด้วยพร้อมน้องม้า จากชั้น 6 ได้ด้วยนะ แต่ค่าใช้จ่ายก็ 100000 เยนอะ แสนสาหัสสุดๆ พอทุกคนรอเราลงมาครบก็นั้งบัสกลับ ที่พักกัน แล้วอีกวันก็หลับเป็นตาย กันเลยจ้า..

ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ เรากับเพื่อนไม่มีวันลืมเลย ละถ้าถามว่าอยากไปอีกไหม ถ้ามีโอกาสเราก็อยากจะไปอีกนะ ตอนนี้จะจองโรงแรมละ เอาจริงๆ แล้วมาพบกับ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในญี่ปุ่นกับเราอีกนะ

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
ABOUT ME
kimbellz
เป็นคนชอบเที่ยวประเทศญี่ปุ่น และ ตั้งใจว่าจะไปให้ได้ทุกปี
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!